วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เยือนบ้านนางสุชาดา มหาอุบาสิกา

บ้านของนางสุชาดา มหาอุบาสิกา

นางสุชาดามหาอุบาสิกา เกิดในช่วงสมุยพุทธกาล เป็นผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสแก่พระสมณโคดมในวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งหลังจากพระสมณโคดมได้เสวยข้าวอันมีรสเลิศนี้แล้ว ในวันนั้นพระองค์ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่าเป็นทานที่ให้ผลอันมาก และนางสุชาดายังเป็นมารดาของยสกุลบุตร  ผู้ที่กล่าววลีว่า  " ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ " ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่เมืองพาราณสี แล้วพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้ฟัง ต่อมาได้ขอบวชและบรรลุเป็นพระอรหันต์  และพระยสะก็เป็นพระอัครสาวกร่วมกับพระปัญจวัคคีย์ช่วยเผยแพร่ศาสนาในเวลาถัดมา

ประวัตินางสุชาดา มหาอุบาสิกา

ประวัตินางสุชาดา มหาอุบาสิกา นางสุชาดา เป็นลูกสาวของเศรษฐีเสนานิกุฎุมพี เกิดที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (พุทธคยาในปัจจุบัน) เมื่อโตเป็นสาวได้การทำบนกับต้นไทรต้นหนึ่งว่า ถ้าได้แต่งงานกับผุ้ชายที่มีฐานะเสมอกัน และมีลูกคนแรกเป็นผุูชายก็จะมาทำการทำพลีกรรมแก้บุญโดยบริจาคทรัพย์แสนหนึ่งแก่ท่านทุกปี ต่อมานางสุชาดาได้แต่งงานกับลูกเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี จึงได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่กับสามีที่เมืองพาราณสี และได้กำเนิดลูกชายคนแรกชื่อว่า "ยสกุมาร" ดังนั้นทุกปีนับจากให้กำเนิดบุตรชายคนแรก นางสุชาดาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมที่พุทธคยาเพื่อทำการพลีกรรมแก้บนกับต้นไทรที่ได้บนไว้ และเมื่อนางสุชาดาทำพลีกรรมเสร็จ ท่านก็เดินทางกลับบ้านสามีที่พาราณสี ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 250 กิโลเมตรเลยทีเดียว

บ้านของนางสุชาดา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม พุทธคยา

ครั้นเมื่อพระมหาโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญเพียรทำทุกiกิริยาอย่างยิ่งยวดเป็นเวลานานถึง 6 ปี และทรงได้เห็นแล้วว่าไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์ จึงได้เลิกทำทุกขกิริยานั้นเสียเป็นเหตุให้เหล่าปัญจวัคคีย์หนีพระองค์ไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน(ธัมเมกขสถูป บทความที่เขียนไปก่อนนี้) เป็นเหตุให้พระสมณโคดมอยู่บำเพ็ญเพียรแต่เพียงลำพัง มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกในเหตุการณ์ใกล้เคียงกับช่วงเวลานั้นว่า "พระมหาบุรุษประทับพักผ่อนอยู่ในราวไพรฝั่งบ้านนางสุชาดาตลอดเวลากลางวัน ตกตอนเย็นก็เสด็จไปสู่ควงไม้มหาโพธ์ " ไม่ได้เอ่ยถึงเลยว่าต้องทรงข้ามแม่น้ำเนรัญชรา แล้วจะข้ามแม่น้ำใหญ่ได้อย่างไร ?

แม่น้ำเนรัญชราแห้งในฤดูร้อน มองจากฝั่งบ้านนางสุชาดา เห็นเจดีย์พุทธคยา

จากการที่คณะของเราได้ไปเห็นแม่น้ำเนรัญชรา  ซึ่งคณะเราไปถึงแม่น้ำเนรัญชราในวันที่ 7 มีนาคม 2563 แม่น้ำก็แห้งมีแต่ทราย ดังนั้นในช่วงประมาณเดือนพฤกษภาคมที่ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 แม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้ต้องแห้งสามารถเดินข้ามไปข้ามมาได้ไม่ยากเลย ดังนั้นในสมัยนั้นการที่พระพุทธเจ้าหรือนางสุชาดาจะเดินข้ามแม่น้ำเนรัญชราจึงเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย  ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันแม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้ก็คงเป็นแม่น้ำมีสายน้ำไหลเชี่ยวในทุกฤดูฝนของอินเดียประมาณเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม และจะแห้งขอดในฤดูแล้งของทุกปี

  

บ้านนางสุชาดา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม พุทธคยา

ครั้นถึงวันวิสาขปุณณมีหรือ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 อันเป็นวันครบรอบพระชันษา 35 พรรษาของพระบรมโพธิสัตว์ ซึ่งได้เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาที่ยาวนานถึง 6 ปี ในวันนั้นนางสุชาดามีความประสงค์จะทำพลีกรรมนางจึงได้สั่งให้บ่าวไพร่ช่วยกันจัดแจงหุงข้าว มธุปายาส คือ หุงข้าวด้วยนมโค โดยใช้น้ำนมของแม่วัวนมที่ดูดกินน้ำนมของแม่วัวตัวอื่นเพื่อให้ได้น้ำนมอันบริสุทธิ์ นำมาเคี่ยวจนข้น แล้วนำไปหุงเป็นข้าวมธุปายาส นำใส่ถาดทองคำไปถวายพระโพธิสัตว์ด้วยเข้าใจว่าเป็นรุกขเทวดา  ข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา ถือเป็น  ภัตตาหารมื้อแรก หรือ การถวายอันสำคัญ ก่อนที่พระบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บ้านของนางสุชาดา

เมื่อนางสุชาดาทูลลากลับไปแล้ว พระบรมโพธิสัตว์จึงเสด็จจากร่มนิโครธพฤกษ์  ทรงถือถาดมธุปายาสนั้นเสด็จสู่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เมื่อทรงพระวรกายแล้วจึงประทับนั่งริมฝั่งแม่น้ำนั้น บ่ายพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก ทรงปั้นข้าวมธุปายาสเป็นปั้น ๆ ได้ 49 ปั้น แล้วเสวยจนหมดจากนั้นได้ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ หากไม่สำเร็จสมประสงค์ ขอให้ถาดลอยไปตามกระแสน้ำ” ในพระพุทธประวัติกล่าวว่า ถาดนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป จนถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่ง จึงจมลงสู่นาคพิภพ

บ้านนางสุชาดา มหาอุบาสิกา
ครั้นเมื่อนางสุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาสกับพระโพธิสัตว์แล้ว ก็ได้เดินทางกลับพาราณสี และคืนนั้นเองที่พระสมธโคดมได้สำเร็จบรรลุสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้เสวยวิมุติสุขอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วจึงเสด็จไปโปรดเหล่าปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพารณสี ในอีก 2 เดือนต่อมาซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 ซึ่งแน่นอนว่าเวลานั้นนางสุชาดาได้มาถึงพาราณสีก่อนหลายวันแล้ว 

ไปชม บ้านของนางสุชาดา มหาอุบาสิกาคนแรกของพระพุทธศาสนา

ในวันเพ็ญเดือน 8 หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 2 เดือน พระพุทธองค์ได้ทรงปฐมเทศนาโปรดเหล่าปัญจวัคคีย์และพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมขอบวชเป็นพระภิกษุองค์แรกของโลก และเหล่าปัญจวัคคีย์ที่เหลือก็ได้ทูลขอบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ต่อมาในเวลาไม่นานขณะที่พระพุทธเจ้ายังคงประทับอยู่กับเหล่าพระปัญจวัคคีย์ วันหนึ่งนายยสะ หรือยสกุลบุตร บุตรของนางสุชาดากับเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองพาราณสีซึ่งเกิดเบื่อหน่ายทางบ้านได้หลบหนีจากบ้านและเดินบ่นเข้ามาในป่าอิสิปตรมฤคทายวันว่า  "ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ" จนพระพุทธเจ้าได้ยินและได้แสดงธรรมโปรดนายยสะ จนนายยสะได้ดวงตาเห็นธรรมขอบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนาและต่อมาก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ และพระยสะถือเป็นพระอัครสาวกเป็นกำลังสำคัญมากในการช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงแรก

ภูเขาไกลๆ มองเห็นจากบ้านนางสุชาดา

ในเวลาใกล้เคียงกันกับขณะนั้นเศรษฐีบิดาของพระยสะได้เข้ามาตามหาลูกที่หายไปแต่ได้พบกับพระพุทธเจ้าก่อน เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า บิดาของพระยสะก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน  ได้นิมนต์พระพุทธเจ้าไปเสวยที่เรือน พอพระพุทธเจ้าเสวยเสร็จก็แสดงธรรม มารดาพระยสะคือนางสุชาดา และภรรยาเก่าของพระยสะ ก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วย  พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "นางสุชาดาเป็นอุบาสิกาผู้เลิศในการถึงสรณะ เป็นผู้อุบาสิกาที่ถึงสรณะก่อนใครครับ" 

แล้วก็เกิดนึกถึงคำถามที่เคยคาใจว่า ทำไมนางสุชาดาถึงปล่อยเวลามาเนิ่นนานพึ่งมาแก้บนตอนนี้ ทั้งที่ควรจะแก้บนตั้งแต่พระยสะเกิดเป็นทารกใหม่ๆ เพราะสำเร็จสมปราถนาทั้งได้แต่งงานกับผู้มีศักดิ์เสมอกัน และให้กำเนิดบุตรชายคือพระยสะ ข้อนี้ได้ความชัดเจนจากหลังฐานหลายๆ อย่าง ยืนยันว่านางสุชาดาไปทำพลีกรรมที่บ้านเกิดทุกปีตั้งแต่ให้กำเนิดพระยสะ ไม่ใช่เพิ่งมาทำการพลีกรรมหรือแก้บนในปีที่เจอกับพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก

นี่คือประวัติพอสังเขปที่เรียบเรียงได้จากการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ทำให้ได้รู้และได้เห็นข้อเท็จจริงในพุทธประวัติบางตอนที่น่าสงสัยอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้เราเข้าใจเหตุการณ์ในครั้งพุทธกาลช่วงเวลานั้นได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นบุญวาสนาอย่างยิ่งที่ได้เดินทางไปทัวร์สังเวชนียสถานครั้งนี้ สาธุ

บทความต่อไป นำชมบ้านของโสตถิยะพราหมณ์ ผู้ถวายหญ้ารองนั่งแก่พระพุทธเจ้าในวันก่อนตรัสรู้

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่  www.rkatour.com

สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

ไม่มีความคิดเห็น: