วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

วัดไทยนาลันทา วัดที่มีที่มาแปลกที่สุดในอินเดีย

วัดไทยนาลันทา ประทศอินเดีย
 วัดไทยนาลันทา ประเทศอินเดีย ท่านที่ติดตามอ่านบทความการทัวร์แสวงบุญประเทศอินเดียและประเทศเนปาลครั้งนี้ คงรู้แล้วว่าวันนี้ยังอยู่ในช่วงการเดินทางของวันที่ 3 จากโปรแกรมทั้งหมด 8 วัน ที่คณะของเรารวม 10 ท่านได้ตั้งใจมาสักการะบูชา 4 สังเวชนียสถาน สถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาเห็นบทความนี้ก็สามารถคลิ๊กไปอ่านบทความทั้งหมดทุกตอนไล่ตั้งแต่ต้นจนจบโปรแกรมได้ที่ http://tourthai.online/touroutbound.html

อาหารกลางวันที่วัดไทยนาลันทา
จากตอนที่แล้ว คณะของเราได้ขึ้นไปสักการะพระมูลคันธกุฎีที่ประทับของพระพุทธเจ้าบนยอดเขาคิชฌกูฏ และดูสถานที่สำคัญๆ ในกรุงราชคฤห์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติในสมัยพุทธกาล ใช้เวลานั่งรถไม่นานเราก็มาถึงวัดไทยนาลันทา ซึ่งคณะของเราได้ประสานงานไว้แล้วว่าจะมารับอาหารเที่ยงกันที่นั่น
อาหารกลางวันที่วัดไทยนาลันทา
ในขณะที่เราเดินทางไปถึงวัดไทยนาลันทา ก็มีคณะแสวงบุญชาวไทยคณะอื่นมาถึงพร้อมๆ กันกับเราด้วย  อาหารไทยที่วัดไทยนาลันทาทำได้ดีและอร่อยทีเดียว วันนั้นมีกับข้าวให้เลือกกินหลายอย่าง อาจจะเพราะมีคณะสงฆ์และคนไทยมารับมื้อเที่ยงด้วยกันเป็นจำนวนมากก็ได้เลยมีกับข้าวให้เลือกกินหลากหลายมีแม้กระทั่งส้มตำไทยและส้มตำปลาร้ารสแซ่บกินแล้วทำให้หายคิดถึงเมืองไทยไปชั่วขณะเลยเชียว แต่ที่ติดใจและชอบมากที่สุดคือขนมเค้กบุญที่อร่อยมาก ใครที่ชอบกินขนมเค้กแนะนำเลยว่าไม่ผิดหวัง มี 3 รส 3 สไตล์ให้เลือกทั้งเค้กกล้วยหอม เค้กกาแฟ และเค้กผลไม้ ชอบรสไหนกลิ่นอะไร ก็ทำบุญไปชิ้นละ 20 บาทเท่านั้น พวกเราในคณะหลายๆ คนติดใจเค้กบุญกันมากถึงขนาดขอทำบุญนำขนมเค้กใส่ถุงไปกินต่อบนรถอีกด้วย
เค้กบุญที่วัดไทยนาลันทา
สันนิษฐานว่าช่วงฤดูกาลที่มีทัวร์แสวงบุญ น่าจะมีคณะสงฆ์และกลุ่มสาธุชนชาวไทยเดินทางมาพักและแวะทานอาหารที่วัดไทยนาลันทาแห่งนี้มากพอสมควร เพราะสังเกตจากโรงอาหารที่กว้างขวางใหญ่โตและยังมีโซนร้านกาแฟแยกไปอีกส่วนต่างหาก บ่ายๆ นั่งรถไกลดื่มกาแฟอร่อยๆ ก็เข้าทีดีมาก มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายประเภทสมเป็นร้านกาแฟเลยทีเดียว
ฟักทองยักษ์ ที่ทางวัดไทยนาลันทาปลูกไว้ทำอาหารต้อนรับนักเดินทาง
ที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือที่วัดไทยนาลันทา มีการปลูกผักที่ใช้ทำอาหารเองด้วย แม้นว่าผักผลไม้ในอินเดียจะราคาไม่แพงและไม่ค่อยน่าวิตกเรื่องสารเคมีตกค้างเพราะเขาเน้นปลูกกันแบบธรรมชาติใช้ปุ๋ยมูลสัตว์เป็นหลักในการปรับปรุงดิน แต่ทางวัดไทยนาลันทาก็มีการปลูกผักหลายๆ อย่างเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยวและคณะผู้เดินทางมาแสวงบุญ และคงเป็นเพราะดินดีอากาศดีจึงได้เห็นผลฟักทองยักษ์ลูกละหลายสิบกิโลกรัมจำนวนหลายลูกตั้งรอไว้ทำอาหารหรือนำมาโชว์นักท่องเที่ยวก็ไม่แน่ใจ
ฟักทองยักษ์ วางโชว์อยู่ที่ร้านกาแฟในวัดไทยนาลันทา

ผึ้งจำนวนมาก มาทำรังเต็มไปหมดรอบๆ อุโบสถ
ตอนที่มาถึงวัดไทยนาลันทาลงจากรถ อาจจะเป็นเพราะเริ่มหิวกันแล้ว ทุกคนเลยใจจดจ่อไปที่โรงอาหาร แต่ก็รู้สึกผิดปกติตั้งแต่ลงจากรถคือได้ยินเสียงและเห็นผึ้งบินอยู่บนหัวเยอะมากๆ แถมรู้สึกคล้ายมีฝนตกเล็กๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เมื่อทุกคนอิ่มกับอาหารกลางวัน และเดินไปรีแลกซ์ด้วยกาแฟหรือเครื่องดื่มตามแต่ที่แต่ละท่านชอบ  หัวหน้าคณะของเราคือท่านอาจารย์ด็อกเตอร์นพดลก็ชวนกันพาเดินเล่นรอบๆ วัดไทยนาลันทา ทีนี้เราเลยเพิ่งรู้ว่าที่ลงจากรถแล้วคล้ายโดนฝนตกใส่ที่แท้โดนมูลที่ผึ้งถ่ายออกมานั้นเอง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผึ้งและผึ้งบินว่อนเต็มไปหมด เฉพาะที่อุโบสถเห็นผึ้งทำรังบนหลังคานับแล้วร่วมร้อยรัง รังใหญ่ก็มีรังเล็กๆ ก็มี ได้แต่สงสัยว่าคงเป็นเขตอภัยทานและธรรมชาติที่นี่คงไม่เป็นพิษและไม่มีภัยต่อผึ้งก็ได้ แต่ก็สังเกตแล้วสังเกตอีกว่าทุกคนไม่ว่าจากในคณะของเราหรือคณะของเขาไม่มีใครโวยวายว่าโดนผึ้งต่อยซักคน  และที่น่าแปลกกว่านั้นคือไม่มีผึ้งแม้นแต่ตัวเดียวไปบินวอแวรบกวนที่โรงอาหารและร้านกาแฟเลย น่าจะเป็นเพราะเป็นผึ้งอินเดียสายพันธุ์ไม่ดุหรืออาจจะคุยกันรู้เรื่องและทำข้อตกลงกับทางวัดก็ได้ (ข้อความอันนี้ผู้เขียนคิดเอง หุหุ)  
ดร.นพดล และพระครูปริยัตธรรมวิเทศ (ดร.)
และสังเกตมาตลอด 3 วันแล้วว่า คณะของเราได้รับความสะดวกสบายและมีอาหารพิเศษให้จากวัดทุกที่ที่เราไปพักและแวะรับประทานอาหารตลอดเส้นทาง เลยได้รู้มาอีกว่า ดร.นพดล ไกด์พิเศษของเราเคยบวชเป็นพระและมาศึกษาเล่าเรียนจนจบด็อกเตอร์ที่ประเทศอินเดีย เป็นพระไทยชุดแรกๆ ที่มาช่วยกันสร้างวัดไทยในประเทศอินเดีย จึงทำให้ ดร.นพดลค่อนข้างกว้างขวางและเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดีกับเจ้าอาวาสวัดไทยเกือบทุกวัดในประเทศอินเดีย ได้ไกด์ดี คณะของเราก็เลยโชคดีไปด้วย
วัดไทยนาลันทา
ทำความรู้จักวัดไทยนาลันทา ก่อนที่คณะเราจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยนาลันทากันต่อไป เรามาทำความรู้จักความเป็นมาของวัดนี้ที่ไม่เหมือนวัดไทยอื่นๆ ที่มาสร้างในประเทศอินเดียกันก่อน เผื่อวันข้างหน้าท่านมีโอกาสไปอินเดียจะได้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเดินทาง
วัดไทยนาลันทา ประเทศอินเดีย
ความเป็นมาของวัดไทยนาลันทา (Wat Thai Nalanda) ตั้งอยู่ที่ นาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย  ซึ่งนาลันทาเป็นตำบลบ้านเกิดและเป็นที่นิพพานของพระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวา และต่อมาที่บริเวณบ้านของพระสารีบุตรได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเคยเจริญรุ่งเรืองขีดสุดมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หลวงจีนนามพระถังซำจั๋งได้เดินทางจากแผ่นดินจีนมาเรียนที่นี่  ในกาลต่อมามหาวิทยาลัยนาลันทาที่เคยยิ่งใหญ่และโด่งดังไปทั่วโลกเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่สำคัญก็ได้ถูกทำลายด้วยคนต่างศาสนา ซึ่งจะเล่ารายละเอียดในตอนถัดไป
วัดไทยนาลันทา อินเดีย
ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยนาลันทามากนัก มีวัดไทยซึ่งมีประวัติการก่อสร้างที่แปลกประหลาดที่สุดในอินเดียชื่อว่าวัดไทยนาลันทา เหตุที่แปลกเพราะปกติวัดไทยทั้งหมดที่สร้างในอินเดียจะมีการซื้อที่ดินและทำการปลูกสร้างรวมทั้งใช้ทุนในการสร้างโดยคณะสงฆ์ไทยร่วมกับชาวไทยผู้มีใจศรัทธา มีวัดไทยพุทธคยาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยด้วย   แต่เฉพาะวัดไทยนาลันทาเท่านั้นที่ทั้งที่ดินและอาคารต่างๆ ภายในวัดได้รับการบริจาคจากชาวอินเดียทั้งหมด
วัดไทยนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
วัดไทยนาลันทา ตั้งอยู่ที่ตำบลนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เริ่มแรกเกิดจากหลวงพ่อชคดิช กัสสปะ  พระสงฆ์ชาวอินเดีย ได้ศึกษาถึงประวัตศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยนาลันทา จึงได้ริเริ่มที่จะฟื้นฟูมหาวิทยาลัยนาลันทาให้กลับมาอีกครั้ง  ท่านได้พากเพียรพยายามอย่างมากจนในที่สุดก็ได้สร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาขึ้นมาได้สำเร็จอีกครั้งในปี พ.ศ. 2494  ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีคนแรก แล้วต่อมาท่านก็ได้รับตำแหน่งเป็นสังฆนายกของประเทศอินเดียด้วย
วัดไทยนาลันทา อินเดีย
เมื่อมหาวิทยาลัยนาลันทาได้กลับมาเปิดสอนอีกครั้ง หลวงพ่อชคดิช กัสสปะก็ได้ซื้อที่ดิน จำนวน 3 ไร่ ติดกับมหาวิทยาลัยนาลันทา เพื่อสร้างเป็นที่พักและสำนักวิปัสสนาโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดียและพุทธบริษัทชาวไทย ต่อมาในปี 2514 ท่านได้มีความดำริว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง จึงมีความศรัทธายกที่ดินทั้ง 3 ไร่และอาคารอีก 6 หลัง อันเป็นสมบัติส่วนตัวของท่านให้เป็นสมบัติของประเทศไทย  และขั้นตอนทางกฎหมายได้เสร็จเรียบร้อย และได้กลายเป็นวัดไทยนาลันทา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2517  ซึ่งคงมีเนื้อที่เพียง 3 ไร่ตามจำนวนพื้นที่เดิมที่หลวงพ่อชคดิช กัสสปะได้ซ้ือไว้และได้บริจาคให้เป็นวัดไทย และต่อมาได้มีผู้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกหลายครั้งจนปัจจุบันวัดไทยนาลันทางมีเนื้อที่รวม 9 ไร่   
ติดต่อวัดไทยนาลันทา
สำหรับท่านที่สนใจเดินทางไปประเทศอินเดีย โดยเฉพาะไปรัฐพิหาร สามารถไปติดต่อใช้บริการที่พักและอาหารที่วัดไทยนาลันทาได้ โดยติดต่อไปที่ พระครูปริยัติธรรมวิเทศ (ดร.) ตามที่อยู่ในรูปภาพข้างบน ส่วนการเดินทางช่วงบ่ายที่เราจะไปมหาวิทยาลัยนาลันทาติดตามอ่านได้ในบทความถัดไปนะครับ

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่  www.rkatour.com

สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล  สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ โทร. 084-625-9929  

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com

ไม่มีความคิดเห็น: