วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

วัดสวนโมกขพลาราม สุราษฎร์ธานี

วัดสวนโมกขพลาราม
 วัดสวนโมกขพลาราม เดิมทีวัดสวนโมกขลารามอยู่ที่ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา ซึ่งเป็นวัดร้างมาก่อนชื่อว่าวัดตระพังจิก เมื่อท่านพุทธทาสมาจำพรรษาและได้ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เห็นว่าบริเวณวัดมีต้นโมกและต้นพลาเยอะ  โดยต้นโมกมีชื่อพ้องกับคำว่าโมกะ แปลว่าหลุดพ้น  ต้นพลาพ้องกับคำว่า พละ แปลว่ากำลัง เมื่อผนวกกับคำว่าอารามที่แปลว่าที่ร่มรื่นหรือที่รื่นรมย์ ท่านจึงตั้งชื่อวัดตระพังจิกใหม่ว่า สวนโมกขพลาราม ซึ่งแปลได้ว่า สวนป่าอันเป็นกำลังหลุดพ้น 

ท่านพุทธทาสภิกขุ
เมื่อท่านพุทธทาสจำพรรษาอยู่ที่วัดสวนโมกขพลารามเดิมที่ตำบลพุมเรียงเป็นระยะเวลาหนึ่ง เห็นว่าพื้นที่วัดค่อนข้างจำกัด จึงได้ย้ายไปสร้างวัดสวนโมกขพลารามใหม่ในที่ปัจจุบันคือตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้ชื่อว่าวัดสวนโมกขพลารามเหมือนวัดแรก โดยไม่ได้เลิกการใช้ชื่อวัดสวนโมกขพลารามที่วัดพระพังจิก ดังนั้นวัดสวนโมกขพลารามที่ตั้งโดยท่านพุทธทาสภิกขุจึงมี 2 แห่งที่ตำบลพุมเรียง 1 แห่ง และตำบลเลม็ดอีก 1 แห่ง และทั้ง 2 วัดก็ยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของท่านพุทธาสภิกขุมาจนถึงทุกวันนี้ แต่คนทั่วๆ ไปจะรู้จักและให้ความสนใจเฉพาะวัดสวนโมกขพลารามที่ตำบลเลม็ดที่ชาวท้องถิ่นนิยมเรียกว่าวัดธารน้ำไหล จนวัดสวนโมกขพลารามเดิมที่ตำบลพุมเรียงมีคนรู้จักน้อยมาก ยกเว้นคนในพื้นที่และคนเก่าแก่ดั้งเดิมเท่านั้น
.
วัดสวนโมกขพลาราม
ดังนั้นในที่นี้จึงขอพูดถึงวัดสวนโมกขพลารามที่ตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อว่าวัดธารน้ำไหล  วัดนี้ตั้งขึ้นมาโดยท่านพุทธทาสภิกขุ เมื่อ พ.ศ.2502 เพื่อเป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม เน้นเผยแพร่หลักธรรมคำสอนที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จึงทำให้มีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศสนใจมาเรียนรู้หลักธรรมของพระพุทธเจ้ากันมาก 
สิ่งที่น่าสนใจในวัดสวนโมกขพลาราม
1 กุฎิอาจริยบูชาท่านพุทธทาส หรือเรียกว่ากุฎิท่านอาจารย์  ภายในกุฏิมีรูปหล่อพุทธทาสภิกขุให้ได้เคารพระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านมีต่อพุทธศาสนา 
ลานหินโค้ง วัดสวนโมกขพลาราม
 2 ลานหินโค้ง เป็นที่ประกอบศาสนกิจของพระสงฆ์และผู้มาปฏิบัติธรรม  ลานหินโค้งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวนโมกข์ ที่เอื้อต่อการศึกษาปฏิบัติธรรมมากที่สุด สะท้อนแนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุว่า มาสวนโมกข์ต้องได้พูดคุยกับต้นไม้ ก้อนหิน และได้เรียนรู้เรื่องธรรมะที่ปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่ง ตั้งแต่แรกสร้างวัดสวนโมกขพลารามจนถึงปัจจุบันลานหินโค้งใช้ในกิจกรรมมากมายทางศาสนาเช่น ตักบาตรสาธิต ทำวัตรสวดมนต์ แสดงธรรมแก่ฐาติโยม นั่งวิปัสสนา  เป็นต้น
โรงมหรสพทางวิญญาณ
3 โรงมหรสพทางวิญญาณ เป็นอาคารสองชั้น ภายนอกอาคารมีภาพแกะสลักชุดพุทธประวัติโดยรอบตัวอาคาร บริเวณด้านข้างอาคารมีก้อนหินวางเป็นระยะ ส่วนภายในโรงมหรสพทางวิญญาณบนผนังและเสาของอาคารมีภาพปริศนาธรรมมากมาย รวมถึงการแสดงภาพของท่านพุทธทาสเมื่อครั้งเดินทางไปประเทศอินเดีย เมื่อ ปี พ.ศ. 2498 
สระนาฬิเกร์
4 สระนาฬิเกร์และธารน้ำไหล ภายในวัดมีเกาะเล็กๆ กลางสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สระกว้างประมาณ 100 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร ตรงกลางสระมีเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 5 ตารางเมตร มีต้นมะพร้าวเล็กๆ ปลูกอยู่หนึ่งต้น ท่านพุทธทาสตั้งใจให้สระนาฬิเกร์นี้ เป็นสื่อในการสอนธรรมะอีกอย่างหนึ่งว่า “นิพพานนั้นอยู่ท่ามกลางวัฏฏะสงสาร”
ภาพปริศนาธรรมในโรงมหรสพทางวิญญาณ
5 อาคารรูปเรือสำเภา มี 2 ลำ อยู่ใกล้ๆ กับโรงมหรสพทางวิญญาณ ลำแรกชื่อว่า ธรรมวารีนาวาอิสรกุลนฤมิต เป็นอาคารอเนกประสงค์ “อุปมาเหมือนเป็นเรือข้ามฟากหรือข้ามวัฏสงสารให้พ้นจากความทุกข์ ข้ามฟากจากความมีทุกข์ไปสู่ความไม่มีทุกข์ จากความโง่ไปสู่ความฉลาดอิงกับพุทธปรัชญา นาวาแห่งธรรมนำสรรพสัตว์ข้ามห้วงแห่งทุกข์” ลำที่ 2 ชื่อว่า เรือใหญ่หรือธรรมวารีนาวา  “ชั้นล่างเป็นที่เก็บน้ำฝน ชั้นบนเป็นศาลาอเนกประสงค์สำหรับประชุม ฟังเทศน์เวลาฝนตก ที่หัวเรือเป็นที่ตั้งของห้องสมุดโมกขบรรลัย”
ภาพแสดงกิจกรรม เมื่อครั้งท่านพุทธทาสเดินทางไปประเทศอินเดีย
6 โบสถ์บนเขาพุทธทอง ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่กลางแจ้งบนเขาพุทธทอง เป็นที่ตั้งอุโบสถแบบสวนโมกข์ เป็นโบสถ์พื้นดินตามธรรมชาติอย่างที่เคยมีในครั้งพุทธกาล ธรรมชาติที่มีอยู่โดยรอบบริเวณ เปรียบเสมือนอาคารของโบสถ์ มีเสาปักไว้โดยรอบกำหนดเขต เพื่อใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม
ลานหินโค้ง วัดสวนโมกขพลาราม
การเดินทางไปสวนโมกขพลาราม  ซึ่งถือเป็นสถานปฏิบัติธรรมชั้นแนวหน้าของเมืองไทยเป็นแหล่งบ่มเพาะเรียนรู้พระพุทธศาสนาที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก ภายในอาณาบริเวณของสวนโมกขพลารามมีทั้งความสงบและร่มรื่นเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม กล่อมเกลาจิตใจและศึกษาพระพุทธศาสนา มีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่างๆ มากมาย รวมถึงได้เรียนรู้พุทธประวัติจากภาพจำลองและจากภาพหินสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติในอินเดีย  
นศ.แผนกท่องเที่ยว นำทัศนศึกษาสวนโมกขพลาราม
ดังนั้นการไปให้ถึงสวนโมกขพลารามเพื่อให้ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น สามารถใช้บริการมัคคุเทศก์น้อย โดยให้นักศึกษาแผนกท่องเที่ยวของวิทยาลัยการอาชีพไชยาซึ่งเป็นลูกหลานชาวไชยาที่ศึกษาข้อมูลของสวนโมกขพลารามเป็นอย่างดี เป็นผู้นำชมและอธิบายเรื่องราวต่างๆ ของสิ่งที่น่ารู้น่าศึกษาของสวนโมกขพลาราม รวมทั้งปริศนาธรรมมากมายที่แฝงอยู่ในความเป็นสวนโมกขพลารามแหล่งศึกษาธรรมที่ท่านพุทธทาสภิกขุปราชญ์ของโลกตั้งใจทิ้งธรรมะอันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาไว้เป็นมรดกสมบัติคนทั้งโลก เพื่อจะได้ประโยชน์จากการไปเยือนวัดสวนโมกขพลารามมากยิ่งขึ้น โดยสามารถติดต่อได้ที่ โทร. 084-625-9-29
ภาพปริศนาธรรม ในโรงมหรสพทางวิญญาญ
ติดต่อวัดสวนโมกขพลาราม เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปศึกษาธรรมะฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่เวลา 06.00 -18.00 น. สามารถติดต่อทางวัดสวนโมกขพลารามได้ที่โทร.  077-431-661

สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เพลินไปกับอดีตที่สัมพันธ์กับปัจจุบัน ณ ถนนคนเดินเชียงคาน

ถนนคนเดินเชียงคาน เลย
เชียงคาน เป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดเลยที่มีเสน่ห์และน่าหลงไหลมาก เป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวอีกหนึ่งพื้นที่ที่เชื่อว่าหลายคนต้องปักธงรอไว้เลย เชียงคานสมญาเมืองที่กาลเวลาหยุดนิ่ง เป็นที่รู้จักกันในเรื่องการอนุรักษ์บ้านเก่ายุคร้อยกว่าปีที่แล้วบริเวณริมโขงแล้วพัฒนาจนเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวหลายๆ อย่างของเชียงคาน

ถนนคนเดินเชียงคาน
ถนนคนเดินเชียงคาน  เป็นตลาดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจากการที่ชุมชนอนุรักษ์บ้านไม้อายุกว่าร้อยปีสองข้างทางที่ยาวตลอดถนนคนเดิน ทำให้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในชนบทโบราณ  
สินค้าแนวย้อนยุคมีให้เลือกซื้อเยอะมากที่ถนนคนเดินเชียงคาน
กิจกรรมที่น่าสนใจที่ถนนคนเดินเชียงคาน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ากับกิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียวริมโขงอันเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีมาหลายชั่วอายุคน กลางวันเดินดูวิถีชิวิตและการทำอาชีพของคนท้องถิ่น พอตกช่วงเย็นถึงค่ำจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายสินค้าเยอะมากมีทั้งของกินของใช้และงานศิลปะมากมาย  โดยเฉพาะสินค้าแนวย้อนยุคเก๋ๆ เหมาะที่จะเอาไปแต่งบ้านหรือเป็นของฝากที่ระลึกจากเชียงคาน
ร้านค้าตลอดแนวถนนคนเดินของเชียงคาน
ถนนคนเดินเชียงคาน เดิมมีชื่อว่าถนนชายโขง อยู่ติดแม่น้ำโขงในตัวอำเภอเชียงคาน  เป็นตลาดนัดกลางคืนระยะทางยาวร่วม 1.5 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่หน้าวัดศรีคุณเมืองถึงวัดท่าคก มีลักษณะพิเศษของถนนคนเดินที่เชียงคานคือ ร้านค้าสองฟากถนนตลอดแนวของถนนคนเดินจะยังคงเป็นไม้เก่าหลายหลังมีอายุเกิน 100 ปี  
ร้านค้าในถนนคนเดินเชียงคาน จังหวัดเลย
บ้านเก่าโบราณในบริเวณถนนคนเดินของอำเภอเชียงคาน ส่วนใหญ่ได้มีการนำมาประยุกต์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวมีทั้งนำมาทำเป็น  เกสต์เฮาส์  , ร้านอาหาร เ, ร้านกาแฟ ร้านค้า และร้านบริการประเภทต่างๆ หลากหลายรูปแบบ มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาจำหน่ายทั้งในบ้านและ 2 ข้างถนนดูคึกคักทีเดียว

ร้านค้าในถนนคนเดินเชียงคาน จังหวัดเลย
สินค้าที่น่าสนใจในตลาดถนนคนเดินริมแม่น้ำโขงของอำเภอเชียงคาน ได้แก่  เสื้อผ้า , สินค้าแฮนด์เมดท้องถิ่น , อาหารพื้นเมืองหลากหลายชนิด และยังมีการแสดงและกิจกรรมของน้องๆ เยาวชนเพื่อหาทุนการศึกษา  
ถนนคนเดินเชียงคาน
เวลาที่เหมาะในการไปเดินถนนคนเดินเชียงคาน สามารถไปเที่ยวได้ตลอดวัน เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ก็มีร้านค้าสำหรับให้คนมาซื้อของใส่บาตร พอช่วงสายถึงเย็นนักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถจักรยานปั่นเที่ยวชมเมืองและเลียบเลาะไปตามถนนริมน้ำโขงชมวิวและวิถีชิวิตทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว  พอตกเย็นค่อยไปเดินชมตลาดถนนคนเดินและชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ กัน
ถนนคนเดินเชียงคาน
ตลาดถนนคนเดิน ที่เป็นไฮไลท์แนะนำจริงๆ จะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. โดยจะเปิดขายกันทุกวันจนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. ยกเว้นวันศุกร์และเสาร์ที่ตลาดจะเลิกดึกหน่อยจะเปิดยาวจนถึงสี่ทุ่ม โดยเฉพาะในวันหยุดช่วงฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเชียงคานเยอะมากเป็นพิเศษ ถนนคนเดินเชียงคานจึงพลอยคึกคักมากไปด้วย
เที่ยวเชียงคาน
พาเที่ยวเชียงคาน
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

รู้จักเมืองคนดีผ่านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา  ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ในเขตพื้นที่วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จัดเป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี มีหน้าที่ในการเก็บรักษาโบราณวัตถุและศิลปวัตถุอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินและบริการเผยแพร่ให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี อยู่ในสังกัดของสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม  

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา  ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2478 โดยพระครูโสภณเจตสิการาม อดีตเจ้าคณะอำเภอไชยาได้รวบรวมศิลปะโบราณวัตถุมาเก็บรักษาไว้ในพระอุโบสถ พระวิหารหลวง และพระระเบียง ของวัดพระบรมธาตุไชยา ต่อมากรมศิลปากรได้พิจารณารับเป็นสาขาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมชื่อว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี”  

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 

ในปีพ.ศ. 2493 ท่านพระครูอินทปัญญาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยา เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ได้เริ่มสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ด้วยเงินจากการจำหน่ายหนังสือเรื่อง "แนวสังเขปโบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน"  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบไทยประยุกต์หลังแรกเสร็จใน พ.ศ. 2495 และต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ได้สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นเป็นหลังที่สองทางด้านทิศเหนือด้วยงบประมาณของกรมศิลปากรและเงินงบประมาณแผนดิน จึงได้ย้ายศิลปวัตถุทั้งหมดจากวิหารหลวงนำไปเก็บและตั้งแสดงในอาคารพิพิธภัณฑ์ที่สร้างใหม่ 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 

กิจการของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา ได้เจริญก้าวหน้าตามลำดับ จนถึงวาระสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กรมศิลปากรเห็นเป็นโอกาสเหมาะสมจึงได้ทำพีธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา โดยได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารพิพิธภัณฑแห่งชาติไชยา และทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2525

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 
สิ่งที่น่าสนใจในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา   อาคารหลังแรกของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประติมากรรมศิลาและสัมฤทธิ์ที่ค้นพบในเมืองไชยาเก่าที่สำคัญและน่าสนใจได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์  พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และมีการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนต่าง ๆ 

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 
ส่วนอาคารที่สอง เป็นที่จัดแสดงหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยทวาราวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา และยังจัดแสดงงานประณีตศิลป์ต่าง ๆ อีกมากมาย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา  เปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยหยุดทำการในวันวันจันทร์-วันอังคารและวันนักขัตฤกษ์ มีค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 20 บาทและชาวต่างชาติ 100 บาท สามารถสอบถามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 077-430-166
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา 
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com

เจ้น้อยส้มตำด่านซ้าย สารพัดเมนูส้มตำน่ากินจังหวัดเลย

เจ้น้อยส้มตำ ด่านซ้าย จังหวัดเลย
 ส้มตำเจ้น้อย เป็นร้านส้มตำขึ้นชื่อของอำเภอด่านซ้ายจังหวัดเลย โดดเด่นที่เป็นร้านสารพัดเมนูส้มตำมีให้เลือกกินเยอะมาก เป็นร้านใหญ่มีลูกค้าไปอุดหนุนเยอะ ผมมีทัวร์ผ่านไปทางภูเรือและเชียงคานที่ไรต้องมีแผนพาลูกทัวร์แวะกินอาหารอีสานอร่อยๆ ที่ร้านส้มตำเจ้น้อยทุกครั้ง 

ร้านเจ้น้อย ส้มดำ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
เมนูเด็ดของร้านเจ้น้อยส้มดำ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย คือส้มตำสารพัดชนิดที่เลือกสั่งเลือกกินได้ตามอัทธยาศัย  ทางร้านส้มตำเจ้น้อยมีหมูย่างเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกหนึ่งอย่างที่น่ากินมากแนะนำให้สั่งมากินได้เลยไม่ผิดหวังแน่ๆ นอกจากนี้ก็มีไก่ย่าง ซุปหน่อไม้ ปลาดุกย่างและอาหารให้เลือกกินอีกหลายอย่างที่คนทางอีสานชอบกินกัน 
ร้านเจ้น้อย ส้มดำ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ราคาอาหารของร้านส้มตำเจ้น้อย โดยรวมถือว่าไม่แพงราคาค่อนข้างราคาถูกด้วยซ้ำถ้าเทียบกับการไปกินในร้านอาหารทั่วๆ ไป ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน  ถ้าเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงร้านส้มตำเจ้น้อยจะมีลูกค้าค่อนข้างเยอะมาก ดังนั้นถ้าตั้งใจไปกินในช่วงเวลาใกล้เที่ยงแนะนำให้สั่งอาหารและจองโต๊ะล่วงหน้าจะดีกว่า ไปถึงจะได้มีโต๊ะนั่งและไม่ต้องเสียเวลารอนาน
เจ้น้อยส้มตำ ด่ายซ้าย จังหวัดเลย
การเดินทางไปร้านส้มตำเจ๊น้อย อยู่ที่ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ร้านอยู่ติดกับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ถึงร้านส้มตำเจ้น้อยแล้วสังเกตุไม่ยาก มีสัญลักษณ์ผีตาโขนกับชื่อร้านเจ้น้อยส้มตำมองเห็นแต่ไกล ร้านส้มตำเจ้น้อยเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. เบอร์โทร.ติดต่อร้านส้มตำเจ้น้อยคือ 091-367-1500  , 0807628377 และ 042891341

ร้านส้มตำเจ๊น้อย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
 สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ทานอาหารในแพ ล่องต้นน้ำเจ้าพระยา

ล่องแพกินอาหารกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์
จังหวัดนครสวรรค์ มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจมากมาย เป็นจุดเริ่มต้นก่อกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีแม่น้ำ 4 สาย ปิง วัง ยม น่าน มารวมกัน จึงเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากรและแหล่งรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย และหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ต้องห้ามพลาดคือการนั่งแพทานอาหารและชมความสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย โดยเฉพาะเวลาช่วงโพล้เพล้จนถึงหัวค่ำ เป็นจังหวะเวลาที่น่าสนใจมากทีเดียว

แพอาหาร ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์
แพอาหารที่พานักท่องเที่ยวล่องชมแม่น้ำเจ้าพระยา มีผู้ให้บริการอยู่หลายราย แต่เพื่อความสะดวกควรโทรประสานงานจองโต๊ะและเวลาล่วงหน้าจะดีที่สุด เพราะเราต้องสั่งอาหารให้เสร็จก่อนที่เรือจะลากแพเริ่มต้นพาทัวร์แม่น้ำเจ้าพระยา 
เรือเล็กที่ลากแพอาหารนำทัวร์ชมในแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อได้เวลาตามรอบที่แพจะออกจากท่า จะมีเรือเล็กลากแพพาทวนแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นไปอย่างช้าๆ ให้เราได้ชมบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนริม 2 ฝั่งเจ้าพระยา กินไปด้วยดูวิวไปด้วยระหว่างนั้นก็มีเพลงเบาๆ จากนักร้องคอยขับกล่อมให้เราเพลิดเพลินหรือถ้านึกสนุกนักท่องเที่ยวจะออกไปโชว์ลูกคอสร้างสีสันและความครื้นเครงกันเองก็ยังได้ 
ร่วมสนุก ร้องเพลงไปด้วย กินอาหารไปด้วย บนแพที่พาชมต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา

บรรยากาศในการล่องแพทานอาหารในแม่น้ำเจ้าพระยาของจังหวัดนครสวรรค์  ถือว่าดีทีเดียว โดยเฉพาะถ้าไปช่วงเย็นใกล้มืดจะได้เห็นวิวทิวทัศน์และแสงสีของชุมชน 2 ฝั่งเจ้าพระยาใน 2 บรรยากาศทั้งก่อนมืดและช่วงโพล้เพล้ที่มีแสงสีสวยงาม เรือจะลากแพอาหารเคลื่อนไปในน้ำอย่างช้าๆไปจนถึง สะพานเดชาติวงศ์ซึ่งเวลากลางคืนจะเปิดไฟดูสวยมาก จากนั้นจึงเลี้ยวแพลากกลับสู่ท่าเรือ รวมเวลาในแต่ละรอบประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งซึ่งถือว่ากำลังดีทีเดียว ไม่เร็วไปและไม่ช้าไป

ระหว่างที่แพเริ่มออกจาท่าอาหาร  จะมีวีดีทัศน์แนะนำจังหวัดนครสวรรค์ สะพานเดชาติวงศ์ และแม่น้ำเจ้าพระยา น่าฟังและน่าดูทีเดียว ถือว่าคุ้มมากกับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ  ได้ทั้งความอิ่มอร่อย ความสนุกสนานเพลิดเพลิน แล้วยังได้ความรู้เกี่ยวกับจังหวัดนครสวรรค์กลับบ้านไปด้วย
อาหารบนแพ ที่ต้องสั่งล่วงหน้าก่อนแพออกจากท่าบริการ
ทริปนี้เราเดินทางโดยใช้บริการของแพ 4 แคว บริการดีมาก อาหารก็อร่อย โดยเฉพาะเมนูเด็ดของทางร้านที่ต้องแนะนำให้สั่งกินเลยได้แก่ แกงคั่วเนื้อปลาทรายเห็ดถอบ , ปลากดคังผัดฉ่า , ต้มส้มปลาม้า , พล่ากุ้งแม่น้ำ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้านแพ 4 แคว และยังมีอาหารอีกหลายเมนูซึ่งล้วนอร่อยทั้งนั้น และราคาก็ไม่แพงอาหารส่วนใหญ่ราคาจานละร้อยกว่าบาท มีบ้างบางเมนูที่ราคาสองร้อยบาทหรือมากกว่านั้น โดยเมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหารและบริการที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก
อาหารบริการบนแพ ต้องสั่งออเดอร์ล่วงหน้าก่อนแพออกจากท่าเท่านั้น
เน้นย้ำว่าอาหารที่เราจะสั่งมากินบนแพ ทางร้านต้องเตรียมและเสริฟจากครัวของร้านอาหารที่ท่าเรือเท่านั้น จะไม่มีการปรุงอาหารบนแพ นักท่องเที่ยวจึงต้องสั่งอาหารให้เรียบร้อยก่อนแพออกจากท่า แต่สำหรับเครื่องดื่มมีจำหน่ายบนแพสามารถสั่งเพิ่มเติมภายหลังได้
สนใจทานอาหารในแพล่องแม่น้ำเจ้าพระยาของ  ร้านอาหารแพสี่แคว
ร้านอาหารแพ 4 แคว ตั้งอยู่ที่ถนนริมเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมือง จ. นครสวรรค์ แต่เพื่อความสะดวกในการรับบริการจองโต๊ะและรายการอาหารล่วงหน้าจะดีที่สุด โดยติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 056-227-701 และ 086-6743003 โดยร้านอาหารเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา  11.00 – 23.30 น. 
ทานอาหาร แพ 4 แคว ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา
 สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

สมัครเป็นเพื่อนทางไลน์ หรือช่องทาง https://lin.ee/dcUb0ed จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ๆ และ โปรโมชั่นทัวร์โดนๆ  รวมถึงความคืบหน้าโครงการบ้านสวนสำหรับวันเกษียณที่อัพเดทความคืบหน้าทุกๆ วัน

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

พระจุฬามณีเจดีย์ มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนครสวรรค์

มหาเจดีย์จุฬามณี นครสวรรค์
พระมหาเจดีย์จุฬามณี หากนึกถึงจุดชมวิวเมืองที่สวยที่สุดของจังหวัดนครสวรรค์ ต้องนึกถึงวัดคีรีวงษ์บนยอดเขาดาวดึงส์เป็นอันดับต้นๆ ในวันที่ฟ้าเปิดอากาศแจ่มใสสามารถมองไกลไปเห็นถึงบึงบรเพ็ด ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ตลาดปากน้ำโพ และเขาจอมคีรีนาคพรตได้เลย โดยเฉพาะอากาศใกล้มืดช่วงมีแสงอาทิตย์โพล้เพล้บรรยากาศจะยิ่งสวยมาก แต่บนเขาดาวดึงส์ไม่ได้มีเฉพาะจุดชมวิวสวยๆ เท่านั้น ยังเป็นที่ตั้งประดิษฐานองค์มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพของชาวจังหวัดนครสวรรค์เป็นอย่างมากนั่นคือ พระจุฬามณีเจดีย์ 

จุดชมวิวเมืองนครสวรรค์ บนยอดเขาดาวดึงษ์
พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่สีเหลืองทองตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ เป็นงานสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่สวยงามมาก   เป็นเจดีย์องค์ใหญ่ภายในแบ่งเป็นสี่ชั้น  ชั้นแรกเป็นที่จุดธูปเทียนบูชา ชั้นที่สองจะมีรูปหล่อพระอริยสงฆ์ขนาดเท่าองค์จริงหลายองค์ด้วยกัน ได้แก่พระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี  หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้  หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ เป็นต้น  และในชั้นที่ 2 ก็มีวัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างไว้ให้ผู้ที่สนใจเช่าบูชาด้วย

รูปหล่อพระอริยะสงฆ์ ในชั้นที่ 2 ภายในมหาเจดีย์จุฬามณี
ชั้นที่สามของพระจุฬามณีเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของเมืองไทยหลายองค์เช่น พระแก้วมรกต  พระพุทธชินราช  พระพุทธโสธร พระพุทธรูปวัดไร่ขิง  
ชั้นที่ 3 ภายในพระจุฬามณีเจดีย์
ชั้นที่สี่บนสุดของมหาเจดีย์จุฬามณี  จะมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตรงกลางเป็นที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้บนแท่นเจดีย์องค์เล็ก เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ สิ่งแรกที่ควรทำคือไปสักการะพระมหาจุฬามณีเจดีย์เพื่อความสิริมงคล และยังสามารถชมวิวเมืองสวยๆ ของจังหวัดนครสวรรค์ได้ด้วย
พระมหาจุฬามณีเจดีย์ วัดดาวดึงษ์ นครสวรรค์

พระมหาจุฬามณีเจดีย์ วัดดาวดึงษ์ นครสวรรค์

พระมหาจุฬามณีเจดีย์ วัดดาวดึงษ์ นครสวรรค์

พระมหาจุฬามณีเจดีย์ วัดดาวดึงษ์ นครสวรรค์
การเดินทางไปสักการะพระจุฬามณีเจดีย์ ตั้งอยู่ภายในวัดคีรีวงศ์ บนเขาดาวดึงส์  ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ทางขึ้นไปบนเขาดาวดึงส์เป็นถนนคอนกรีตอย่างดีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร รถบัสขนาดใหญ่ก็สามารถขึ้นไปได้ โดยประตูทางเข้าด้านล่างจะเปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ทุกวัน ติดต่อสอบทางวัดดาวดึงษ์ได้ที่ โทร 056-222-009 , 056-226-199 และ 056-514-982
พระมหาจุฬามณีเจดีย์ วัดดาวดึงษ์ นครสวรรค์
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

สมัครเป็นเพื่อนทางไลน์ หรือช่องทาง https://lin.ee/dcUb0ed จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ๆ และ โปรโมชั่นทัวร์โดนๆ  รวมถึงความคืบหน้าโครงการบ้านสวนสำหรับวันเกษียณที่อัพเดทความคืบหน้าทุกๆ วัน

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ