วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ไปดูรอยเกวียนอายุ 3,000 ปี แห่งกรุงราชคฤห์

รอยเกวียนโบราณอายุร่วม 3,000 ปี ในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
จากเรื่องเล่าในตอนที่แล้ว วันนี้ยังอยู่ในช่วงภาคเช้าของการเดินทางวันที่ 3 ของโปรแกรมการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดียและเนปาล เมื่อเราออกมาจากวัดไทยลัฏฐิวันมหาวิหารซึ่งได้ฟังความรู้เรื่องป่าตาลในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ที่เคยเป็นพวกของชฏิล 3 พี่น้อง รวม 1,000 รูปได้เดินทางไปกรุงราชคฤห์และแวะพักที่ป่าตาล แล้วได้สร้างความศรัทธาแก่ฝูงชนที่ติดตามพระเจ้าพิมพิสารไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนมาก  และในวันรุ่งขึ้นพระเจ้าพิมพิสารก็ได้ถวายพระราชอุทยานเวฬุวันซึ่งแปลว่าป่าไผ่ให้เป็นที่พำนักของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์ ด้วยเหตุว่าป่าตาลหรือลัฏฐิวัน ไกลจากเมืองมาก ประชาชนจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าต้องเดินทางไกลและเกรงพระสงฆ์จะลำบากเรื่องอาหาร  จึงนับว่า พระราชอุทยานเวฬุวัน เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่าวัดเวฬุวันวิหาร  

เมื่อรถนำเที่ยวได้พาคณะของเราเข้าเขตกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธในอดีต เราก็เห็นภูเขาใหญ่ยาวเหยียดทอดตัวเป็นแนวยาว ไกด์ก็ได้เล่าความเป็นมาของเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้ฟัง พอจับใจความได้ว่า

เริ่มเข้าเขตกรุงราชคฤห์
กรุงราชคฤห์ ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ ได้ชื่อว่า เบญจคีรีนคร เพราะล้อมรอบด้วยภูเขา 5 ลูก โดยภูเขาทั้ง 5 ที่ล้อมเมืองนั้นมีชื่อว่า อิสิคิริ, เวปุลละ, เวภาระ, ปัณฑวะ, และคิชฌกูฏ 
ด้วยมีชัยภูมิที่เป็นเลิศถูกล้อมรอบด้วยภูเขามีทางเข้าออกเมืองเพียง  2 ทางผ่านทางช่องเขาแคบที่มีการสร้างกำแพงเมืองแน่นหนาจึงมีความได้เปรียบทางชัยภูมิของทหารเวลาสู้รบ แทบไม่เคยปรากฏว่ามีศัตรูมารุกรานกรุงราชคฤห์เลยจากปัจจัยเรื่องชัยภูมิที่ตั้งนี้ 

กำแพงเมืองของกรุงราชคฤห์
กรุงราชคฤห์เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็ง  แต่กลับมีจุดอ่อนที่ราชวงศ์ที่ปกครองกรุงราชคฤห์ มีอาถรรพ์ของเมืองที่ลูกชายฆ่าพ่อผู้เป็นกษัตริย์เพื่อชิงพระราชบัลลังก์ติดต่อกันมาหลายรุ่น แม้นแต่พระเจ้าพิมพิสารซึ่งถือได้ว่าเป็นมหาอุบาสกผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนามากก็ไม่พ้นกรรมนี้ เพราะในที่สุดช่วงท้ายของชีวิตพระเจ้าพิมพิสารผู้ยิ่งใหญ่ก็สิ้นพระชนม์โดยถูกพระราชโอรสชื่อ อชาตศัตรูกุมาร ที่ต่อมาคือ พระเจ้าอชาตศัตรู ซึ่งถูกยุยุงโดยพระเทวทัตฆ่าตาย และในท้ายที่สุดกรุงราชคฤห์ก็แพ้ภัยตัวเองต้องล่มสลายเพราะประชาชนไม่ให้ความเคารพต่อกษัตริย์ผู้สังหารบิดาตัวเอง
 
สถานที่รอยเกวียนโบราณ ที่รัฐบาลอินเดียให้การอนุรักษ์ไว้

เมื่อเข้าเขตกรุงราชคฤห์ มีหลายจุดที่ควรแวะชม ได้แก่สถานที่ที่เคยเป็น คุกที่พระเจ้าอชาตศัตรูใช้ขังพระเจ้าพิมพิสารด้วยเจตนาฆ่าพ่อของตัวเอง , โรงพยาบาลของหมอชีวกโกมารภัจจ์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแรกของโลก , วัดเวฬุวันวิหารวัดแรกของพระพุทธศาสนาและพระพุทธองค์จะจำพรรษาที่วัดนี้ในช่วงฤดูเข้าพรรษาและยังเป็นสถานที่กำเนิดวันมาฆบูชา , มียอดเขาคิชฌกูฏซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้ารวมหลายพรรษา ซึ่งจะทยอยเล่าเป็นตอนๆ ไป เพราะเนื้อหาค่อนข้างมาก แต่ทันทีที่เข้าเขตกรุงราชคฤห์ไม่ควรพลาดแวะชมรอยเกวียนโบราณ อายุร่วม 3,000 ปี
รอยเกวียนโบราณ กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

รอยเกวียนโบราณกรุงราชคฤห์ ถูกพบโดยบังเอิญและได้รับการอนุรักษ์โดยรัฐบาลอินเดีย เพื่อบอกเล่าถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าของแคว้นมคธในอดีต เป็นเส้นทางเกวียนค้าขายระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองอื่นๆ ที่ในสมัยนั้นต้องช้เกวียนบรรทุกสินค้าน้ำหนักมากจำนวนไม่น้อยผ่านเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงสามารถทำให้ล้อเกวียนกดเป็นร่องลึกรอยยาวบนพื้นหินได้


จากรอยเกวียนโบราณทำให้นึกถึงชาดกเรื่องโคนันทิวิสาล ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภเตือนพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ คือกลุ่มสหายชาวเมืองสาวัตถีรวม 6 คน ที่มาบวชเพื่อหาลาภ ได้ก่อกรรมต่าง ๆ เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าต้องบัญญัติพระวินัยมากมาย  โดยได้ตรัสเป็นนิทานมาสาธก ว่า…

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยของพระเจ้าคันธาระครองเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโคนามว่า นันทิวิสาล เป็นโคมีรูปร่างสวยงามมีพละกำลังมาก มีพราหมณ์คนหนึ่งได้เลี้ยงและรักโคนั้นเหมือนลูก  โคก็คิดจะตอบแทนพราหมณ์ โดยในวันหนึ่งก็ได้พูดกับพราหมณ์ว่า

“พ่อ จงไปท้าพนันกับโควินทกเศรษฐีว่า โคของเราสามารถลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่มที่ผูกติดกันให้เคลื่อนไหวได้ พนันด้วยเงินหนึ่งพันกหาปณะเถิด” พราหมณ์ก็ได้ไปที่บ้านเศรษฐีและตกลงพนันกัน  นัดเดิมพันกันในวันรุ่งขึ้น ในวันที่เดิมพันมาถึงพราหมณ์ก็ได้เทียมเกวียนทั้ง 100 เล่มที่บรรทุกทราย กรวดและหินเต็มลำเข้ากับโคนันทิวิสาล แล้วขึ้นไปนั่งบนเกวียน เงื้อปฏักขึ้นพร้อมกับตวาดว่า
“ไอ้โคโกง โคโง่ เจ้าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้”

ฝ่ายโคนันทิวิสาลเมื่อได้ยินพราหมณ์พูดเช่นนั้น ก็คิดน้อยใจว่า “พราหมณ์เรียกเราผู้ไม่โกงว่าโกง ผู้ไม่โง่ ว่าโง่” จึงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พราหมณ์จึงต้องแพ้พนันจ่ายเงินหนึ่งพันกหาปณะให้แก่โควินทกเศรษฐี ฝ่ายพราหมณ์ที่แพ้พนันเมื่อปลดโคแล้วกลับถึงบ้านก็เข้าไปนอนเศร้าโศกเสียใจ  โคนันทิวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้าโศกเสียใจเช่นนั้น จึงเข้าไปปลอบและกล่าวว่า

“พ่อ ฉันอยู่ในเรือนของท่านตลอดมา เคยทำภาชนะอะไรแตกไหม เคยเหยียบใครๆ เคยถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะในที่อันไม่ควรหรือไม่ เพราะเหตุใด ท่านจึงเรียกเราว่า โคโกง โคโง่ ครั้งนี้เป็นความผิดของท่านเอง ไม่ใช่ความผิดของฉัน บัดนี้ ขอให้ท่านไปเดิมพันกับโควินทกเศรษฐีใหม่ด้วยเงินสองพันกหาปณะ ขออย่างเดียว ท่านอย่าได้เรียกฉันว่า โคโกง โคโง่ ท่านจะได้ทรัพย์ตามที่ท่านปรารถนา ฉันจะไม่ทำให้ท่านเศร้าเสียใจ”

พราหมณ์ได้ทำตามที่โคนันทิวิสาลบอก ในวันเดิมพัน พราหมณ์จึงพูดหวานว่า “นันทิวิสาลลูกรัก เจ้าจงลากเกวียนทั้งร้อยเล่มนี้ไปเถิด” โคนันทวิสาลได้ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยการออกแรงลากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้เกวียนเล่มสุดท้ายก็เคลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่เกวียนเล่มแรกเคยอยู่ ทำให้พราหมณ์ชนะพนันเป็นเงินสองพันกหาปณะ

พระพุทธองค์เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้วตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่า คำหยาบ ไม่เป็นที่ชอบใจของใครๆ แม้กระทั่งสัตว์เดียรัจฉาน” แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า “บุคคลควรพูดแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่ควรพูดคำที่ไม่น่าพอใจในกาลใดๆ ถ้าเทียบเคียงปัจจุบันก็คงเป็น พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากมีสี

เขาคิชกูฏ กรุงราชคฤห์ อินเดีย

ฟังนิทานชาดกกันแล้ว เราเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่เขาคชฌกูฏเพื่อขึ้นไปสักการะพระมูลคันธกุฎีบนยอดเขา คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่ www.rkatour.com


สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ

ไม่มีความคิดเห็น: