วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ตลาดท่าเสด็จ แหล่งรวมสารพัดสินค้าให้ช็อป

ตลาดท่าเสด็จ หนองคาย
ตลาดท่าเสด็จ อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เดิมชื่อ ตลาดท่าเรือ เพราะเคยเป็นท่าเรือที่ทั้งคนไทยและคนลาวใช้เรือในการเดินทางข้ามแม่น้ำโขงติดต่อค้าขายกันระหว่างชายแดน  ที่ตลาดท่าเสด็จมีสินค้าแทบครบทุกอย่างที่ต้องการ  มีทั้งอาหารพื้นเมือง , สินค้า OTOP  , ของฝากของที่ระลึก และเครื่องใช้ต่างๆมากมาย

ตลาดท่าเสด็จ หนองคาย

ตลาดท่าเสด็จ จังหวัดหนองคาย   ยังมีอีกชื่อว่า ตลาดอินโดจีน เพราะเป็นแหล่งรวบรวมและจำหน่ายสินค้ามากมายจากประเทศในแถบอินโดจีน ทั้งจาก จีน เวียดนาม รวมทั้งมีสินค้าหลายอย่างจากยุโรปตะวันออกด้วย สินค้าหลักๆ ที่จำหน่ายในตลาดท่าเสด็จส่วนใหญ่จะเป็น   อาหารแห้ง อาหารแปรรูป  เครื่องใช้ต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องครัว ผ้าทอท้องถิ่น เป็นต้น  

จุดชมวิวแม่น้ำโขง ตลาดท่าเสด็จ
ความเป็นมาของชื่อตลาดท่าเสด็จ ด้วยเพราะเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2498  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัย ในจังหวัดหนองคาย พระองค์ได้เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ตลาดท่าเรือแห่งนี้ ภายหลังจึงมีการเปลี่ยนชื่อจากตลาดท่าเรือเป็น  ตลาดท่าเสด็จ 
ตลาดท่าสเด็จหรือตลาดอินโดจีน หนองคาย
สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ บริเวณตลาดท่าเสด็จ นอกจากจุดเช็คอินถ่ายรูปกับพระยานาคบริเวณริมแม่น้ำโขงที่สวยงามแล้ว ยังสามารถตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียวริมโขงได้ด้วย และสำหรับสายช็อปปิ้งสามารถเดินช็อปในตลาดท่าเสด็จกันได้ทั้งวันเพราะเป็นตลาดในร่ม  นอกจากนี้ยังมีอาคารเก่าแก่และร้านกาแฟในบรรยากาศย้อนยุคให้ได้ไปถ่ายรูปสวยๆด้วย 
ตักบาตรข้าวเหนียวริมโขง ที่ตลาดท่าเสด็จ
ไปถึงหนองคายแล้วก็ไม่ควรพลาดของอร่อย ต้องไปกินแหนมเนือง ของดีของอร่อยของจังหวัดหนองคาย  มีร้านแหนมเนืองขายอยู่หลายร้าน แต่ร้านที่มีชื่อดังที่สุดก็คงเป็น ร้านแดงแหนมเนือง
บรรยากาศริมโขง มองเห็นฝั่งลาว ที่ตลาดท่าเสด้จ หนองคาย
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ พาเที่ยวจังหวัดหนองคาย อุดรธานี และข้ามไปเที่ยว สปป.ลาวทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929
เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

ถ้ำดินเพียง จุดเชื่อมโยงสู่เมืองพญานาคที่หนองคาย

ถ้ำดินเพียง จุดเชื่อมโยงสู่เมืองพญานาคที่หนองคาย
ถ้ำดินเพียง มีชื่อเป็นทางการว่า วัดถ้ำศรีมงคล  ตั้งอยู่ที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย อยู่ห่างจากสกายวอล์ควัดผาตากเสื้อเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น  เป็นสถานที่สำคัญเกี่ยวกับตำนานศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค  ภายในถ้ำมีจุดที่เชื่อมต่อกับลำน้ำโขงคนเก่าแก่เล่าว่าเป็นเส้นทางที่พญานาคใช้เดินทางไปสู่เมืองบาดาล   ปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องความอัศจรรย์ของธรรมชาติใต้พิภพในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง

พาเที่ยวถ้ำดินเพียง จังหวัดหนองคาย
การเข้าไปชมภายในถ้ำดินเพียง ต้องใช้ไกด์นำทางในพื้นที่เป็นผู้พาเข้าไปเท่านั้น  ค่าบริการพาเข้าชมภายในถ้ำก็ให้หยอดตู้บริจาคบริเวณทางออกจากถ้ำตามกำลังศรัทธา   บริเวรด้านหน้าทางเข้าถ้ำมีศาลเจ้าพ่อปู่จันทร์นาคราช และเจ้าแม่เกตุนาคราช ให้ได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าถ้ำ โดยมีกฏข้อห้ามในการเข้าไปภายในถ้ำ เช่น ห้ามหญิงมีครรภ์ มีประจำเดือน และคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ความดัน ไขข้อเสื่อม เนื่องจากภายในถ้ำบางช่วงบางตอนค่อนข้างคับแคบและมีน้ำขังจนต้องมุดและคลาน  ระยะทางที่ผู้นำทางพาเข้าไปชมภายในถ้ำลึกประมาณ 300 เมตร มีทางเข้าและออกคนละทางกัน ใช้เวลาในการเข้าชมประมาณรอบละ  30 นาที 
บริเวณปากทางเข้าถ้ำ
ภายในถ้ำดินเพียง นอกจากจะได้ฟังเรื่องเล่าจากผู้นำทางแล้ว เมื่อเข้าไปภายในถ้ำที่มีการติดไฟนีออนหลากสีกระทบกับผนังถ้ำทำให้เกิดแสงและสีที่สวยงามและน่าอัศจรรย์  เราจะได้เห็นรูปปั้นพ่อปู่พญานาค  ภายในถ้ำมีห้องโถงขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม  เชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เคยอยู่ใต้ลำน้ำโขงมาก่อน ในถ้ำแบ่งออกเป็น 8 ห้อง  มีอากาศถ่ายเทดีหายใจได้สะดวกและไม่น่ากลัว  ออกมาจากถ้ำก็จะเจอกับลานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ให้แวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ถ้ำดินเพียง หนองคาย
ถ้ำดินเพียง หรือ วัดถ้ำศรีมงคล  เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและต้องแวะไปสัมผัสของจังหวัดหนองคาย ปกติเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 15.30 น. แต่เพราะมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าถ้ำ และมีไกด์ท้องถิ่นที่สามารถพาเข้าไปชมภายในถ้ำได้ค่อนข้างน้อย แนะนำว่าควรโทรไปจองคิวล่วงหน้า หรือใช้บริการจัดนำเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ของเราจะสะดวกกว่ามาก 
พาเที่ยวถ้ำดินเพียง จังหวัดหนองคาย


สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ พาเที่ยวจังหวัดหนองคาย อุดรธานี และข้ามไปเที่ยว สปป.ลาว ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929
เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

จุดชมวิวภูห้วยอีสัน หนองคาย

จุดชมวิวภูห้วยอีสัน หนองคาย
 จุดชมวิวภูห้วยอีสัน อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย

คงมีน้อยคนที่เป็นนักเที่ยวแนวธรรมชาติที่ชื่นชอบวิวทะเลหมอกจะไม่รู้จักชื่อ ภูห้วยอีสัน อยู่ที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่มาแรงแซงโค้งจุดชมวิวทะเลหมอกรุ่นพี่หลายๆ แห่ง ด้วยความที่ไม่เหมือนใคร 

นั่งรถอีแต๊กขึ้นภูห้วยอีสัน

ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย แหล่งท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง จนมีรายการนำเที่ยวทางทีวีหลายรายการ รวมทั้งยูทูปเบอร์หลายๆ คนมาแนะนำและรีวิวภูห้วยอีสันกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อไปเที่ยวที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่ไปแล้วคุ้มค่า คุ้มเวลา และคุ้มค่าใช้จ่ายแน่นอน

ชมทะเลหมอก ภูห้วยอีสัน

ภูห้วยอีสัน เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกบนยอดเขาสูง   นักท่องเที่ยวจะได้สนุกกับการเดินทางด้วยรถอีแต๊กฝ่าความหนาวขึ้นไปชมทะเลหมอกเหนือแม่น้ำโขง แม่น้ำแห่งชีวิตสายที่ยาวที่สุดของทวีปเอเซีย ซึ่งผ่านดินแดนหลายประเทศ และเป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติระหว่างไทยกับสปป.ลาว  ด้วย

นั่งรถอีแต๊ก ภูห้วยอีสัน หนองคาย

ช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวภูห้วยอีสัน เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนตลอดช่วงฤดูหนาว บนภูห้วยอีสัน  จังหวัดหนองคายจะมีทะเลหมอกที่สวยงามมาก แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่สวยงามบนยอดภูแห่งนี้ การเดินทางที่สะดวกและปลอดภัยที่สุดแนะนำเลยว่าต้องใช้บริการรถอีแต๊กเท่านั้น

จุดชมวิวทะเลหมอก ภูห้วยอีสัน อ.สังคม จ.หนองคาย

คำแนะนำในการขึ้นไปชมทะเลหมอกบนภูห้วยอีสัน ควรไปให้ถึงอำเภอสังคมก่อนวันขึ้นชมทะเลหมอกอย่างน้อย 1 วัน เพื่อติดต่อชาวบ้านจองคิวรถอีแต๊กล่วงหน้าไว้ก่อน เนื่องจากการขึ้นไปบนภูห้วยอีสันไม่สะดวกสำหรับรถยนต์ การใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้านจะปลอดภัยและได้บรรยากาศในการขึ้นชมทะเลหมอกดีกว่ากันเยอะ แต่ถ้าจะห้สะดวกที่สุดให้ทางเราจัดทริปนำเที่ยวให้ตลอดโปรแกรมรับรองว่าสะดวกสบายกว่ากันเยอะเลย

จุดชมวิวทะเลหมอก บนภูห้วยอีสัน
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ พาเที่ยวจังหวัดหนองคาย อุดรธานี และข้ามไปเที่ยว สปป.ลาว ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929
เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

วัดผาตากเสื้อ หนองคาย

สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ
สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ หากคิดถึงจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดของจังหวัดหนองคาย แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะต้องชี้เป้าไปที่สกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ ในอำเภอสังคมของจังหวัดหนองคาย

วัดผาตากเสื้อ หนองคาย
วัดผาตากเสื้อ  เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก มีจุดชมวิว Skywalk เป็นตัวดึงดูดให้วัดผาตากเสื้อมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคาย  เป็นแลนด์มาร์คต้องห้ามพลาด ที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 

จุดชมวิวแม่น้ำโขงวัดผาตากเสื้อ

วัดผาตากเสื้อช่วงหน้าหนาวในยามเช้า จะมีทัศนียภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมากที่สุด เพราะมองจากบนสกายวอล์คของวัดผาตากเสื้อจะเห็นทะเลหมอกหนาท่วมแม่น้ำโขงสวยมาก และเป็นที่เดียวของไทยที่ทำให้เราเดินอยู่บนหมอกหนานุ่มอารมณ์เดินอยู่บนปุยเมฆเลยทีเดียว

วัดผาตากเสื้อ หนองคาย
 Skywalk วัดผาตากเสื้อ  เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่ถือได้ว่าสวยที่สุด  เป็นจุดที่แม่น้ำจาก สปป.ลาว มาบรรจบกับแม่น้ำโขงแบ่งเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศพอดี   ถือว่าเป็นสถานที่สวยงามที่ซักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปพิชิตสกายวอล์คที่วัดผาตากเสื้อกันให้ได้
สกายวอล์ควัดผาตากเสื้อ
ความน่าสนใจของ Skywalk วัดผาตากเสื้อ   เป็นทางเดินใสคล้ายกระจกรูปครึ่งวงกลมยื่นออกไปจากหน้าผา ให้นักท่องเที่ยวได้เดินออกไปสัมผัสกับบรรยากาศบนทางเดินกระจกใสที่ให้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การจะขึ้นไปบนสกายวอล์คนักท่องเที่ยวต้องถอดรองเท้าหรือจะใช้บริการรองเท้าที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ก็ได้ ไปถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปสวยๆ มาให้ทางบ้านและเพื่อนๆ ได้ร่วมประทับใจในความสวยงามของจุดชมวิววัดผาตากเสื้อด้วย 

พาเที่ยววัดผาตากเสื้อ หนองคาย

สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ พาเที่ยวจังหวัดหนองคาย อุดรธานี และข้ามไปเที่ยว สปป.ลาว รวมทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929
เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

ไหว้หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย

หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย ไปถึงจังหวัดหนองคายสิ่งแรกที่ต้องนึกถึงและแนะนำว่าควรไปห้ามพลาดเด็ดขาดคือ การไปสักการะหลวงพ่อพระใส แห่งวัดโพธิ์ชัย ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดหนองคาย หลวงพ่อพระใสนับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเป็นพระสำคัญคู่เมืองหนองคายมาเนิ่นนาน

วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย
วัดโพธิ์ชัย  เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญของจังหวัดหนองคาย  เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใสอันศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีตำนานผูกพันกับทั้งชาวไทยและชาวลาว เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของผู้คนลุ่มน้ำโขง เชื่อกันว่าถ้าได้มาสักการะขอพรหลวงพ่อพระใสแล้วจะมีความสุข ประสบความสำเร็จได้สมความปรารถนา ดังนั้นใครไปถึงจังหวัดหนองคาย ก็ควรแวะไปกราบขอพรหลวงพ่อพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเพื่อความเป็นศิริมงคลให้ได้
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อพระใส  หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปหล่อรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย  หล่อด้วยทองสุกอันเป็นเนื้อทองคำ  92 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะอันงดงาม   เล่ากันมาว่าพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์ล้านช้างซึ่งมีด้วยกัน 3 พระองค์เป็นผู้สร้าง โดยได้มีการหล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์  มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของพระธิดาทั้ง 3 องค์ไว้ด้วยว่า
  • พระเสริม ประจำพี่ใหญ่
  • พระสุก ประจำคนกลาง
  • พระใส ประจำน้องสุดท้อง
วัดโพธิ์ชัย หนองคาย
เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ ในปี พ.ศ. ๒๓๒๑ ตรงกับสมัยกรุงธนบุรีหลวงพ่อพระใสได้ถูกอัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ แล้วถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์  ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ของกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์คิดเป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ได้รับการแต่งตั้งเป็นจอมทัพยกพลมาปราบเจ้าอนุวงศ์ จากนั้นจึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม
วัดโพธิ์ชัย หนองคาย
นการล่องแพอัญเชิญองค์พระทั้ง 3องค์  ล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้  เหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริม ได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)
สักการะหลวงพ่อพระส หนองคาย
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริมจากวัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคายไปประดิษฐานที่กรุงเทพฯ และได้อัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหัก ไม่สามารถอัญเชิญพระใสลงไปกรุงเทพได้ ได้แต่พระเสริมไปได้เพียงองค์เดียว โดยได้อัญเชิญไปประดิษฐาน  ณ วัดปทุมวนารามในกรุงเทพ  ส่วนหลวงพ่อพระใสเมื่อไม่สามารถอัญเชิญไปกรุงเทพได้จึงได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อพระใสดังที่มานี้จึงได้สมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก" 
วัดโพธิ์ชัย หนองคาย
ประเพณีสำคัญเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ทุกปีชาวหนองคายจะประกอบพิธีอัญเชิญหลวงพ่อพระใสแห่รอบเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สรงน้ำขอพรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นประเพณียิ่งใหญ่มีผู้คนสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก 

จัดทริปเที่ยวจังหวัดหนองคาย
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ พาเที่ยวจังหวัดหนองคาย อุดรธานี และข้ามไปเที่ยว สปป.ลาว ทั้งจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวทั้งกรุ๊ปใหญ่และแบบไพรเวทเที่ยวแบบกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร นำเที่ยวโดยคนพื้นที่ชำนาญเส้นทาง พาเที่ยวแบบวีไอพี กิจกรรมสนุก กินอาหารอร่อย เลือกที่นอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564

วัดพระเชตวันมหาวิหาร อินเดีย

ต้นโพธิ์พระอานนท์ ที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร
 จากตอนที่แล้ว เราเล่ามาถึงวันที่ 6 ช่วงบ่ายของโปรแกรมไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย เมื่อเราเสร็จจากการแวะชมบ้านขององคุลีมาล ซึ่งคนอินเดียนับถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถล้างบาปได้ จึงมีคนลักลอบเข้าไปแอบขุดดินและเศษอิฐเอาไปบูชามากจนที่สุดทางการของอินเดียต้องเอารั้วมาล้อมปิดมิดชิด ให้ชมบ้านเกิดขององคุลีมาลได้แต่ภายนอกเขตรั้วเท่านั้น เมื่อเราออกจากบ้านเกิดขององคุลีมาล รถนำเที่ยวก็พาคณะของเราทั้ง 10 คนเดินทางสู่วัดพระเชตวันมหาวิหารซึ่งอยู่ไม่ห่างกันไกลมากนักใช้เวลานั่งรถครู่เดียวก็ถึง

คณะฯ เข้าสักการะพระคันธกุฎี ในวัดพระเชตวันมหาวิหาร ประเทศอินเดีย

วัดพระเชตวันมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลสะเหต รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ปัจจุบันเหลือเพียงซากโบราณสถาน สถานที่นี้ได้รับการบูรณะจากทางราชการอินเดียเป็นอย่างดี  วัดพระเชตวันเป็นพุทธสถานสำคัญที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษานานที่สุดถึง 19 พรรษา มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย  อาทิเช่น  พระคันธกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้า , ศาลสงฆ์ , เจดีย์พระอรหันต์ 8 ทิศ , กุฏิพระอรหันต์สาวกคนสำคัญ  , ต้นโพธิ์พระอานนท์ ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ,  สถานที่ที่พระเทวทัตและนางจิญจมาณวิกาถูกแผ่นดินสูบ  เป็นต้น

พระมูลคันธกุฎี กุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้าในวัดพระเชตวันมหาวิหาร

ความเป็นมาของวัดเชตวันมหาวิหาร หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า วัดพระเชตวัน วัดแห่งนี้มีความเป็นมาที่น่าอัศจรรย์จนมีบันทึกเรื่องราวเป็นกิจลักษณะสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ด้วยวัดแห่งนี้เกิดจากความศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธเจ้าของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งคณะเราได้นำไปเยี่ยมชมบ้านของมหาเศรษฐีใจบุญผู้ได้ชื่อว่ามหาอุบาสกผู้เป็นเลิศในการถวายทานเมื่อตอนก่อนหน้านี้แล้ว

ลานทรงแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า สถานที่เกิดเรื่องราวในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย

 วัดพระเชตวันมหาวิหาร  เดิมเป็นของเจ้าเชตเจ้าชายในราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี มีเนื้อที่รวม 80 ไร่  โดยอนาถบิณฑิกะเศรษฐีได้ขอซื้อด้วยการนำเหรียญทองมาปูจนเต็มพื้นที่ ซึ่งรวมเป็นราคาที่แพงมหาศาลถึง 18 โกฏิ โดยมีเงื่อนไขต้องใช้ชื่อของเจ้าเชตเป็นชื่อวัดด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อวัดว่าวัดพระเชตวัน  วัดแห่งนี้อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ สิ้นเงินไปอีกรวม 36 โกฏิ จึงทำให้การสร้างวัดแห่งนี้มีราคามากถึง 54 โกฏิ ตั้งอยู่นอกเมืองสาวัตถี นับว่าเป็นวัดและที่มั่นสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล 

ภายในวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี อินเดีย

วัดเชตวันมหาวิหาร เป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษานานมากที่สุดถึง 19 พรรษา เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย เช่น เรื่องของพระองคุลิมาล, นางปฏาจาราเถรี, พระนางกิสาโคตมีเถรี, การถวายอสทิสทาน, เรื่องพระพุทธองค์ทรงดูแลภิกษุไข้, พราหมณ์จูเฬกสาฏก, ทรงพยากรณ์สุบินนิมิต 16 ประการ, นางกาลียักษิณี, นางจิญมาณวิกาถูกแผ่นดินสูบ, พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ เป็นต้น ในส่วนพระสูตรนั้นมีจำนวนมาก ที่สำคัญ ๆ เช่น มหามงคลสูตร, ธชัคคสูตร, ทสธัมมสูตร, สาราณียธรรมสูตร, อหิราชสูตร, เมตตานสังสสูตร, คิริมานนทสูตร, ธัมมนิยามสูตร, อปัณณกสูตร, อนุตตริยสูตร, พลสูตร, มัคควิภังคสูตร, โลกธัมมสูตร, ทสนารถกรณธัมมสูตร, อัคคัปปทานสูตร, ปธานสูตร, อินทริยสูตร, อนริยสูตร และสัปปุริสธัมมสูตร โดยทั้งหมดทรงแสดง ณ วัดเชตวันมหาวิหารแห่งนี้

สถานที่สำคัญๆ ในเขตวัดพระเชตวันมหาวิหาร รัฐอุตตรประเทศ

สถานที่สำคัญภายในเขตของวัดเชตวันมหาวิหารในปัจจุบัน ที่ผู้ที่เดินทางแสวงบุญชาวไทยและจากทั่วโลก นิยมเดินทางไปสักการะบูชา ได้แก่ 

พระมูลคันธกุฎี กุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้าที่ได้ทำการขุดค้นปรับแต่งเป็นอย่างดี
 
อานันทโพธิ์ 

อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยการดำริของพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล เป็นต้นโพธิ์ที่ปรากฏหลักฐานในคัมภีร์และยังคงเป็นต้นโพธิ์ต้นเดียวที่ยังคงอยู่มาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบัน จากอรรถกถากาลิงคชาดกระบุไว้ว่า  ครั้นสมัยพุทธกาลที่วัดเชตวันมหาวิหารอันเป็นวัดที่อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีได้สร้างเพื่อถวายแก่พระพุทธเจ้า ครั้นเมื่อเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปตามชนบทอื่นๆ เพื่อโปรดสัตว์ แต่ชาวกรุงสาวัตถีต่างก็ยังนำของหอมและดอกไม้มาเป็นเครื่องบูชาพระพุทธองค์อยู่เสมอ เมื่อไม่เจอพระพุทธเจ้าก็นำสิ่งสักการะเหล่านั้นไปวางไว้ที่ประตูพระคันธกุฎี กุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้า เมื่อความทราบถึงท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงได้ปรึกษากับพระอานนท์เรื่องที่วัดเชตวันมหาวิหารไม่มีสิ่งบูชาแทนพระพุทธเจ้าเมื่อพระพุทธองค์ไม่อยู่ จึงขอรบกวนให้พระอานนท์ช่วยทูลถามเรื่องนี้กับพระตถาคต 

เมื่อมีโอกาสเหมาะสม พระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เจดีย์มีกี่อย่าง พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบพระอานนท์ว่า เจดีย์มี 3 อย่างคือ ธาตุเจดีย์   ปริโภคเจดีย์  และอุทเทสิกเจดีย์   พระอานนท์ได้ทูลถามต่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จจาริกไป ข้าพระองค์อาจจะกระทำเจดีย์ได้หรือไม่ พระศาสดาตรัสตอบพระอานนท์ดังนี้ว่า ธาตุเจดีย์ไม่อาจทำได้เพราะธาตุเจดีย์นั้นจะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น ต้นมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าอาศัยเป็นที่ตรัสรู้  ถึงพระพุทธเจ้าจะยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม ปรินิพพานแล้วก็ตาม เป็นเจดีย์ได้เหมือนกัน

ต้นโพธิ์พระอานนท์ ในวัดพระเชตวันมหาวิหาร

พระอานนท์จึงได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อพระองค์เสด็จไปจากพระมหาวิหารเชตวัน  คนทั้งหลายไม่ได้สถานที่เป็นที่บูชา  ข้าพระองค์จักขออนุญาตนำพืชจากต้นมหาโพธิ์มาปลูกที่ประตูพระเชตวัน พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า ดีแล้วอานนท์เธอจงปลูกเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้นในพระเชตวันก็จักเป็นดังตถาคตอยู่เป็นนิตย์ พระอานนท์เถระจึงได้นำความไปบอกกล่าวแก่พระเจ้าโกศล  อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี และนางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นต้น ให้ขุดหลุมปลูกต้นโพธิ์ที่ประตูพระเชตวันมหาวิหาร  แล้วพระอานนท์ได้กล่าวกับพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านขอรับ กระผมจักปลูกต้นโพธิที่ประตูพระเชตวัน ท่านช่วยนำเอาลูกโพธิ์สุกจากต้นมหาโพธิ์ให้กระผมทีเถิด พระมหาโมคคัลลานเถระได้รับคำ แล้วเหาะไปยังโพธิมณฑลเอาจีวรรับลูกโพธิ์ที่หล่นจากขั้วแต่ยังไม่ถึงพื้นดิน นำมาถวายพระอานนท์ภายในวันเดียวซึ่งอัศจรรย์มาก 

เมื่อได้ลูกโพธิ์จากต้นศรีมหาโพธิ์ พระอานนท์เถระได้แจ้งพระเจ้าโกศลว่า เราจักปลูกต้นโพธิ์ในที่นี้ พระเจ้าโกศลให้ราชบุรุษถือเครื่องอุปกรณ์ทุกอย่างเสด็จมาพร้อมด้วยบริวารใหญ่ในเวลาเย็น พร้อมด้วยอนาถบิฯณฑิกมหาเศรษฐี  มหาอุบาสิกาวิสาขา และผู้คนอีกมากมาย โดยพระอานนท์ได้ตั้งอ่างทองใบใหญ่ไว้ในที่ปลูกต้นโพธิ ให้เจาะก้นอ่างแล้วให้ลูกโพธิสุกแด่พระเจ้าโกศล ทูลว่า มหาบพิตรพระองค์จงปลูกโพธิ์สุกนี้เถิด  พระเจ้าโกศลทรงพระดำริว่า ความเป็นพระราชามิได้ดำรงอยู่ตลอดไป  ควรที่เราจะให้อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีซึ่งเป็นผู้เสียสละทรัพย์สินจำนวนมหาศาลสร้างวัดพระเชตวันเป็นผู้ที่สมควรปลูกต้นโพธิ์นี้ เมื่อทรงดำริดังนั้นพระเจ้าโกศลจึงได้วางลูกโพธิ์สุกนั้นในมือของอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ท่านมหาเศรษฐีอนาถปิณฑิกะ จึงได้รวบรวมเปือกตมที่มีกลิ่นหอมมาแล้วฝังลูกโพธิ์สุกไว้ในเปือกตมนั้น พอลูกโพธิ์พ้นมือมหาเศรษฐี ขณะที่ฝูงชนทั้งปวงกำลังดูอยู่  ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ได้ปรากฏลำต้นโพธิ์ประมาณเท่างอนไถ สูงห้าสิบศอก แตกกิ่งใหญ่ห้ากิ่งๆ ละห้าสิบศอกคือในทิศทั้งสี่และเบื้องบน ต้นโพธินั้นก็เป็นต้นไม้ใหญ่กว่าต้นไม้ทั้งปวงในทันใดนั่นเอง ด้วยประการฉะนี้

พระเจ้าโกศลได้รับสั่งให้เอาหม้อทองคำและหม้อเงิน  ๘๐๐ หม้อ ใส่น้ำหอมจนเต็ม ประดับด้วยดอกบัวเขียว ตั้งเป็นแถวแวดล้อมต้นมหาโพธิ์ แล้วรับสั่งให้ทำแท่นสำเร็จด้วยรัตนะเจ็ด โปรยปรายผสมทองสร้างกำแพงล้อมรอบ  ทำซุ้มประตูสำเร็จด้วยรัตนะ ๗ เครื่องสักการะได้มีเป็นอันมาก พระอานนท์เถระได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ขอพระองค์จงประทับนั่ง ณ โคนต้นโพธิ์ที่ข้าพระองค์ปลูก เข้าสมาบัติที่ข้าพระองค์เข้า ณ โคนต้นมหาโพธิ์ เพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน  พระศาสดาได้ตรัสว่า พูดอะไรอานนท์  เมื่อเรานั่งเข้าสมาบัติที่ได้เข้าแล้ว ณ มหาโพธิมณฑล ประเทศอื่นก็ไม่อาจที่จะทรงอยู่ได้ พระอานนท์เถระกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน ขอพระองค์จงใช้สอยโคนต้นโพธิ์นั้นด้วยความสุขเกิดแก่สมาบัติ  โดยกำหนดว่าใกล้ภูมิประเทศนี้เถิด พระศาสดาจึงทรงใช้สอยโคนต้นโพธินั้นด้วยความสุขเกิดแต่สมาบัติตลอดราตรีหนึ่ง

อานนท์โพธิ ในวัดพระเชตวันมหาวิหาร

ดังนี้ต้นโพธิ์นั้นก็ได้ชื่อว่า อานนท์โพธิ แปลว่าต้นโพธิ์ของพระอานนท์ที่ยังคงยืนต้นมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วม 2,600 ปีแล้ว ปัจุบันได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทางรัฐบาลอินเดีย มีชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางไปให้ถึงเพื่อสักการะบูชา ดังคำในอรรถกถาตอนหนึ่งที่ว่า  ดีแล้วอานนท์ เธอจงปลูกเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น ในพระเชตวันก็จักเป็นดังตถาคตอยู่เป็นนิตย์  การเดินทางไปสักการะต้นอานันทโพธิ์จึงเปรียบดังเดินทางไปเข้าเฝ้าตถาคตโดยนัยดังที่กล่าวมา

ดัดแปลงข้อความมาจากธาตุเจดีย์ ปริโภคเจดีย์ ปูชนียสถาน อรรถกถากาลิงคชาดก อุทเทสิกเจดีย์ เวไนยสัตว์ 

ร่องรอยสำคัญๆ ในสมัยพุทธกาล ที่รัฐบาลอินเดียดูแลเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นภายในวัดพระเชตวันมหาวิหาร รัฐบาลอินเดียยังได้บูรณะร่องรอยสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่สำคัญๆ จากสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม เป็นอย่างดี อาทิเช่น

  • ลานทรงแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า สถานที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย
  • หมู่กุฏิพระมหาเถระ
  • บ่อน้ำที่ใช้ในการสรงสนานของพระพุทธองค์ 
  • อัฏกะสถูป สถูปของพระอรหันต์ 8 ทิศ
  • เป็นต้น
  • พื้นที่ที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบซึ่งอยู่ก่อนถึงประตุทางเข้าวัดพระเชตวันนิดเดียว
  • ฯลฯ
เสร็จจากการชมวัดพระเชตวันมหาวิหารก็ร่วม 16.30 น.  สรุปได้ว่าเราโชคดีมากที่ได้มาเยือนวัดพระเชตวันมหาวิหารด้วยตัวเอง ได้เห็นสถานที่จริงกับตา  ได้สักการะต้นอานนท์โพธิ์ก็ประหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าตามที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ในมูลเหตุของการปลูกต้นโพธิ์นี้

 คืนนี้เราจะไปนอนกันที่วัดไทยสาวัตถี ติดตามกันต่อในตอนหน้านะครับ
รถที่พาคณะของเราเที่ยวในประเทศอินเดียและประเทศเนปาลทั้ง 8 วัน

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่  www.rkatour.com

สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล  สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ โทร. 084-625-9929  
สามารถสมัครเป็นเพื่อนทางไลน์ หรือช่องทาง  https://lin.ee/dcUb0ed จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ๆและโปรโมชั่นทัวร์โดนๆ ที่อัพเดททุกวัน

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ