วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เช็คอิน ประเทศอินเดีย


เมื่อถึงกำหนดการเดินทางเพิ่อไปแสวงบุญสักการะ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ของพระพุุทธเจ้า ทริปนี้ใช้เวลา 8 วัน กำหนดเดินทางตั้งแต่วันที่ 6-13 มีนาคม 2563 เมื่อถึงกำหนดนัด วันที่ 6 มีนาคม นัดเจอกับคณะทั้งหมด รวม 10 คน ที่สนามบินดอนเมืองเวลา 07.00 น. โดยใช้บริการของสายการบินแอร์เอเซีย หลังจากผ่านพิธีกรรมขั้นตอนต่างๆ รวมทั้ง ตม.  จนเข้าไปใน Gate ของสนามบิน ครั้นเวลา 09.00 น. เครื่องบินก็นำเราเดินทางสู่สนามบินพาราณสี ประเทศอินเดีย 

ถึงสนามบินพาราณสี  

ใช้เวลาเดินทางอยู่บนเครื่องบิน 3.30 ชั่วโมง เราก็ไปถึงสนามบินพาราณสี คนท้องถิ่นเรียก Varanasi  ชื่อเป็นทางการคือ   Lal Bahadur Shastri International Airport  เป็นสนามบินนานาชาติ ตั้งอยู่ที่  เมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ   เราไปถึงสนามบินพาราณสีเวลา 10.30 น.  ทั้งนี้เพราะประเทศอินเดียเวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง จึงต้องปรับนาฬิกาของแต่ละคนตามเวลาท้องถิ่น ไม่อย่างนั้นจะยุ่งยากเรื่องเวลานัดหมายกับไกด์ท้องถิ่นเวลานำเที่ยวในแต่ละวัน

ออกจากสนามบินพารณสี มีรถนำเที่ยวมารอรับอยู่แล้ว

ถึงสนามบินพาราณสี คนที่เคยไปเที่ยวต่างประเทศ  จะรู้ว่าเราไม่สามารถเดินออกจาก Gate ไปรับสัมภาระได้เลยเหมือนเดินทางในประเทศ เพราะเราต้องไปผ่านด่านตม.ของประเทศอินเดีย กรอกเอกสารสำแดงตนและระบุที่พักอ้างอิงในอินเดีย รวมทั้งกรอกประวัติสุขภาพด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างล้วนเป็นภาษาอังกฤษ และเนื่องจากเจ้าหน้าที่ด่านตม.มีน้อย คนรอคิวยื่นเอกสารมีเยอะ การสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงการกรอกเอกสารจึงทำได้ค่อนข้างยากต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก แต่ถ้าเดินทางกับคณะทัวร์หรือมีพี่เลี้ยงนำเดินทาง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้มีประสบการณ์ดีอยู่แล้ว ไกด์หรือหัวหน้าคณะทัวร์ที่พาไปจึงสามารถช่วยกรอกเอกสารให้ได้เพียงแต่รอเวลานิดหนึ่งเพราะคณะส่วนใหญ่เดินทางกันไปหลายคน กลุ่มของเราทั้ง 10 คน ยกเว้นผู้นำเที่ยวต่างไม่เคยมาอินเดียจึงต้องอาศัยผู้นำคณะช่วยกรอกให้เป็นส่วนใหญ่ จึงได้ออกจาก Gate ของสนามบินเป็นคณะสุดท้าย 

รถมินิบัสนำเที่ยวตลอดโปรแกรมการเดินทางครั้งนี้

เราเสร็จจากขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองประมาณ 11.30 น. จากนั้นก็ออกไปรับกระเป๋าที่สายพานลำเลียงแล้วออกไปที่ลานจอดรถหน้าสนามบินพาราณสี  รถทัวร์นำเที่ยวที่นัดไว้ก็มารอรับอยู่แล้ว เป็นรถ 20 ที่นั่ง มากัน 10 คน จึงเดินทางกันได้สบายๆ นั่งกันหลวมๆ เพราะทริปนี้เราต้องอยู่บนรถกันเกินพันกิโลเมตรแน่นอน  โดยมีอาจารย์ด็อกเตอร์นพดล ขวัญชนะภักดี เป็นผู้บรรยายข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่เราเดินทางไปตลอดทั้ง 8 วัน  ดร.นพดลท่านเคยไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่อินเดียหลายปี ทั้งเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกด้านพุทธศาสนาที่นั่น จึงนับได้ว่าท่านมีประสบการณ์และความรู้ในสถานที่ที่เราจะเดินทางไปอย่างลึกซึ้ง สามารถอธิบายให้ความรู้และประวัติศาสตร์ของสถานที่ได้อย่างมีประโยชน์ยิ่งในการมาแสวงบุญครั้งนี้ เรียกว่าทริปนี้โชคดีที่ อาจารย์นพดล ด็อกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพุทธศาสนาโดยเฉพาะมาบรรยายเอง จึงได้ทั้งสาระความรู้และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมายกว่าเปิดอ่านใน Google แน่อน

วัดไทยพาราณสีพุทธวิปัสสนา

ออกจากสนามบินพาราณสี รถก็พามุ่งหน้าสู่วัดไทยพาราณสีพุทธวิปัสสนา อยู่ที่ตำบลสารนาถ  เมืองพาราณสี มีหลวงพ่อด็อกเตอร์จรัญเป็นเจ้าอาวาสดูแลอยู่ ซึ่งท่านเป็นพระสงฆ์ไทยรุ่นแรกๆ ที่มาสร้างวัดอยู่ที่อินเดีย  วัดไทยพาราณสีแห่งนี้มีวัตถุประสงค์บริการที่พักหลับนอนรวมทั้งอาหารการกินเพื่อต้อนรับนักเดินทางแสวงบุญทั้งคณะสงฆ์และฆราวาสชาวไทยโดยเฉพาะอยู่แล้ว คณะของเราจึงได้รับความสะดวกสบายอย่างมากที่สุด หลังจากทานมื้อเที่ยงแสนอร่อยแล้ว หลวงพ่อจรัญก็อาสาพาไปสักการะธัมเมกขสถูปด้วยตัวท่านเองเลยทีเดียว ทำให้ยิ่งซาบซึ้งในความกรุณาของท่านยิ่งนัก

ธัมเมกขสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา

ช่วงบ่าย คณะของเราก็ไปถึงธัมเมกขสถูป ความจริงก็อยู่ไม่ไกลจากวัดไทยพาราณสีพุทธวิปัสสนาที่เราพักเลย เดินมาก็ยังได้ ระยะทางไม่น่าจะถึง 1 กิโลเมตร แต่ทางคณะก็นั่งรถไปสบายๆ ไม่ต้องเดิน แต่ก่อนจะเข้าไปในธัมเมกขสถูป ผมขออนุญาตพาแวะออกนอกเส้นทางนิดนึง ตลอดเส้นทางบนฟุตบาทริมถนนก่อนถึงธัมเมกขสถูปมีร้านขายของที่ระลึกเยอะมาก ที่น่าสนใจก็เป็นงานแกะสลักหินอ่อนเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ และเสาอโศก รวมทั้งขันทำสมาธิของธิเบตที่ทำด้วยทองเหลืองเมื่อเอาไม้ถูวนรอบปากขันก็เกิดเสียงกังวาลที่ผมคิดว่ามันเพราะมากๆ ส่วนใหญ่เขาใช้ร่วมกับการสวดมนต์นัยว่าเสียงที่กังวาลของขันก่อให้เกิดสมาธิดีขึ้น  สินค้าที่ระลึกส่วนใหญ่ที่วางขายราคาไม่แพงแต่การต่อรองราคาจะได้ราคาถูกลงมาก และที่สำคัญเราสามารถใช้เงินไทยซื้อของจากร้านค้าเหล่านี้ได้ด้วย แถมพ่อค้าแม่ค้าก็พอฟังและสื่อสารภาษาไทยนิดๆ หน่อยๆ กับเราได้ด้วย แสดงว่าต้องมีคนไทยมาที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว

บรรยากาศข้างนอกก่อนเข้าธัมเมกขสถูป

ใกล้ๆ ธัมเมกขสถูปมีสถานที่น่าสนใจเยอะมาก ตั้งแต่สวนที่เป็นป่าอิสิปตนมฤคทายวัน มีที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณคดีสารนาถซึ่งเก็บรวมรวมวัตถุโบราณสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากมาย และยังมีวัดสำคัญๆ  ที่น่าแวะชมอีกได้แก่ วัดไทยสารนาถและวัดเนปาล ซึ่งเราจะกลับมาแวะชมในวันหลังก่อนเดินทางกลับไทย เพราะถ้าไปวันนี้คงไม่ทัน แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปในธัมเมกขสถูป มีเรื่องที่ผมเพิ่งรู้เมื่อได้มาอินเดียว่า...

ธงชาติและธนบัตรของ อินเดีย

ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่เป็นสถานที่ก่อเกิดของศาสนาและลัทธิความเชื่อมากมาย รวมทั้งศาสนาพุทธก็เริ่มต้นที่ประเทศอินเดีย แต่ศาสนาที่มีมาอย่างยาวนานหลายพันปีและเป็นศาสนาประจำชาติของอินเดีย คือศาสนาพราหมณ์ฮินดู จึงไม่แปลกที่เราจะพบเห็นลักษณะของการเคารพบูชาเทพเจ้ามากมายในอินเดีย แต่ทั้งที่ศาสนาหลักของคนอินเดียคือฮินดู แต่เราก็พบเห็นสัญลักษณ์ ธรรมจักร อันเป็นกงล้อแห่งธรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอยู่กลางธงชาติอินเดีย มีหัวสิงห์ของเสาอโศก ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างขึ้นเพื่อประกาศให้ทราบถึงสถานที่สำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องพระพุทธศาสนา(พระพุทธเจ้า โดยเฉพาะที่สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง) ก็อาจถือได้ว่าประเทศอินเดียก็ยอมรับและให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนามากเช่นกัน

ร้านขายของที่ระลึกเยอะมาก ตลอดแนวถนน ทางเดินไปธัมเมกขสถูป

ด้วยเนื้อหาวันนี้ค่อนข้างยาวมากโดยเฉพาะสาระที่น่าสนใจของธัมเมกขสถูป และตอนกลางคืนเรายังไปล่องเรือท่องคงคายามราตรีชมพิธีมหาอารตีการบูชาไฟถวายแก่เทพเจ้าริมแม่น้ำคงคา ของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู  ขอยกยอดไปเล่าต่อบทความหน้านะครับ

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่ www.triptouragency.com

สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล หลังสถานการณ์โควิด 1- คลี่คลาย คาดว่าจะจัดเดินทางครั้งต่อไปปลายปี 2566 - ต้นปี 2567  สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

www.triptouragency.com

ไม่มีความคิดเห็น: