|
ด่านโสเนารี ชายแดนอินเดีย-เนปาล |
วันนี้เข้าสู่วันที่ 5 ของโปรแกรมเดินทางไปตามรอยเส้นทางของพระพุทธเจ้าในประเทศอินเดียและเนปาล คณะของเราwfhเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม Bhadant Gyaneshwar Buddha-Vihar ตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณ ตี 5 ออกมาจากโรงแรมเตรียมขึ้นรถก็เจอชาวอินเดียกำลังก่อไฟเตรียมเปิดร้านเดาว่าคงขายอาหารเช้า ต้องชื่นชมในความขยันของคนที่นี่ครับ คงเป็นเพราะประชากรเขาเยอะมากทุกคนจึงต้องขยันทำมาหากินกันสุดๆ ขยันอดทนและประหยัดเป็นสมญาที่เรารู้จักแขกอินเดียตั้งแต่อยู่เมืองไทย มาเจอแขกตัวเป็นๆ ต้องยอมรับว่าเขาขยันและอดทนกว่าที่เราคิดเยอะเลยครับ
|
คนอิยเดียเริ่มเตรียมเปิดร้าน |
คณะของเรากะว่าจะรีบเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อไปให้ถึงด่านตั้งแต่ก่อนเวลาทำการของด่านเป็นคณะแรกๆ เพื่อจะได้คิวผ่านด่านตม.เข้าสู่ประเทศเนปาลเร็วๆ เพราะหากไปถึงด่านสายคิวจะยาวมากถึงมากๆ ต้องเสียเวลารอนานโดยไม่จำเป็น
ออกจากโรงแรมตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น รถก็ทำเวลาจนมาใกล้ถึงชายแดนรอยต่อระหว่างประเทศอินเดียและเนปาล เห็นร้านอาหารก็เลยแวะรถเข้าไปเพื่อจัดการมื้อเช้าให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่ต้องแขวนท้องหิวกันมาก เพราะวันนี้มื้อเที่ยงน่าจะเลทนิดหน่อย
|
ทานอาหารเช้าที่ร้าน Susham' Haveli Restaurant |
เข้าไปในร้านอาหารชื่อว่า Susham' Haveli Restaurant ก็ให้ทุกคนเลือกสั่งกินตามอัทธยาศัย เป็นเมนูอาหารเช้าง่ายๆ อิ่มกันแล้วรถนำเที่ยวก็พาคณะเราตรงดิ่งไปที่ด่านโสเนารีเลย ปกติคนไทยเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อรอข้ามด่านไปลุมพินีประเทสเนปาลจะต้องแวะมากินแตงโมโรตีอร่อยที่สุดในโลกที่วัดไทยนวราชรัตนาราม960 แต่คณะเรากลัวเข้าคิวสายแล้วต้องรอนานเลยขอแวะในขากลับออกมาจากเนปาลดีกว่า เพราะยังไงเสียก็ต้องใช้เส้นนี้เดินทางกลับ
|
บรรยากาศคนรอข้ามด่านพรมแดนที่โสเนารี |
เมื่อรถไปถึงด่านโสเนารี ไกด์ชาวอินเดียก็รีบไปยื่นเอกสารต่อคิว ทั้งที่เรามาถึงที่ทำการด่านประมาณแปดโมงเช้าก่อนเวลาทำการเล็กน้อย แต่ปรากฏว่ามีคนมาตั้งแถวรอตรวจเอกสารเดินทางไปในประเทศเนปาลยาวเหยียดเลย เป็นคิวก่อนลำดับของเราน่าจะเกิน 200 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักเดินทางแสวงบุญชาวพุทธจากหลากหลายประเทศที่ตั้งใจจะไปที่ลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า และเมื่อเราเข้าคิวในแถวแล้วซักครู่ก็มีผู้ที่จะเดินทางเข้าไปในเนปาลมาต่อจากเราอีกหลายร้อย ดูจากลักษณะและมีพระสงฆ์ซึ่งแม้นว่าไม่ได้นุ่งห่มอย่างพระบ้านเรา แต่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นชาวพุทธในพระพุทธศาสนาที่จะไปสวนลุมพินีเหมือนเราแน่ๆ
|
บรรยากาศระหว่างรอผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านโสเนารี |
ระหว่างรอคิวตรวจเอกสารและประทับตรา ก็เห็นฝรั่งอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ลองหาเรื่องคุยกับฝรั่งเล่นๆ ฆ่าเวลา รู้ว่าพวกเขาตั้งใจมาปีนเขาเอเวอร์เรสท์ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกกัน ฟังเรื่องเล่าแต่ละคนแล้วก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้าง แต่ไม่ต้องถึงยอดเขาเอเวอร์เรสท์หรอก เอาแค่ฐานเบสท์แคมป์ก็พอ ยังไม่อยากหนาวตาย หุหุหุ
|
ด่านตรวจคนเข้าเมือง โสเนารี รัฐยูพี อินเดีย |
ในที่สุดพิธีการตรวจคนเข้าเมืองก็เรียบร้อย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเพราะไกด์ทำเอกสารกรอกไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราแค่ไปแสดงตัวกับให้เจ้าหน้าที่ดูหน้าและประทับตราลงพาสปอร์ต ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วแบบเคร่งขรึมและเคร่งเครียดประสาแขกอินเดีย ไม่ค่อยมีรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบเจ้าหน้าที่ชาวสยาม แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีไม่มีใครถูกกักตัวอยู่ฝั่งอินเดีย เสร็จงานเอกสารฝั่งอินเดีย เราก็เดินทางข้ามด่านเข้าไปในเขตประเทศเนปาล ให้ฝั่งตม.ของประเทศเนปาลตรวจเอกสารและประทับตราอีกที ระหว่างตรวจเอกสารและเดินทางเข้ามาในประเทศเนปาลก็เจอเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบทั้งหญิงชายดูเข้มและขรึมเท่ห์ดี ไกด์บอกว่า อย่าไปล้อเล่นกับพวกเขาทหารเหล่านี้คือนักรบกรูข่า ทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดนักรบที่อันตรายที่สุดในโลก ก็แอบชื่นชมพวกเขาครับในฐานะที่เราก็ชอบสายวิชาทหารอยู่บ้าง
|
อาหารกลางวันในประเทศเนปาล |
กว่าจะเสร็จพิธีการในการเข้าและออกประเทศจากทั้งด่านด้านอินเดียและของเนปาล ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเศษ เมื่อออกจากด่านโสเนารี เราก็อยู่ในประเทศเนปาลกันเรียบร้อย รถนำเที่ยวก็พาคณะของเราไปเช็คอินเข้าพักและรับประทานอาหารกลางวันที่ Hotel Buddha Town & Restaurant
ก่อนจะไปสวนลุมพินี ซึ่ง ติดตามได้ในตอนต่อไปนะครับ
|
สวนลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า |
ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่ www.rkatour.com
สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ โทร. 084-625-9929
สมัครเป็นเพื่อนกันทางไลน์เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆ ที่มีมาทุกสัปดาห์
เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น