วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2564

สาลวโนทยาน สถานที่ดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

สาลวโนทยาน  สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดียและเนปาลของคณะเราทั้ง 10 คน  เมื่อออกจากหมู่บ้านเกสปุตตะหรือหมู่บ้านของชาวกาลามะโคตรเราทานอาหารกลางวันกันแล้วก็มุ่งหน้าไปสู่สาลวโนทยาน

มหาปรินิพพานวิหาร  สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน 
สาลวโนทยาน ตั้งอยู่ที่เมืองกุสินารา ปัจจุบันคือตำบลมถากัวร์ อำเภอกุสินครหรือกาเซียหรืออาจเรียกว่ากาสยาก็ได้ อยู่ในเขตจังหวัดเทวริยา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย มีความสำคัญกับพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวดด้วยในสมัยพุทธกาลที่นี่คือ ป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาปรินิพพาน 

สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย

กุสินารา จึงมีความสำคัญด้วยเป็น 1 ใน 4 แห่งของพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญของชาวพุทธ  คนอินเดียท้องถิ่นจะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า  มาถากุนวะระกาโกฎ   ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ   มีสถานที่สำคัญคือสถูปใหญ่ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีมหาปรินิพพานวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายใน และโดยรอบของมหาปรินิพพานวิหารก็มีซากศาสนสถานโบราณมากมาย

พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ในมหาปรินิพพานวิหาร

พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ที่สร้างอย่างสมจริงประหนึ่งเราได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะสิ้นพระชนม์จริงๆ และจะไม่ทรงตื่นจากการบรรทมขึ้นมาอีกแล้ว   ดูแล้วคล้ายคนนอนหลับที่หมดสิ้นความทุกข์โศกทั้งปวงแล้ว ความรู้สึกที่เข้าไปอยู่ในเจดีย์ปรินิพพานคล้ายประหนึ่งดังเราได้สูญเสียบุคคลสำคัญที่สุดของเราไปรู้สึกเศร้าแต่ไม่ได้เศร้าแบบเศร้าหมองอธิบายยากจริงๆ คงต้องแนะนำให้ไปสัมผัสบรรยากาศของจริงเอง 


ภายในมหาปรินิพพานวิหารอนุญาตให้คณะผู้แสวงบุญถวายผ้าห่มพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาสวรรคตที่นี่ เพื่อให้สาธุชนได้ทำการสักการะบูชาได้ คณะของเราจึงได้ร่วมถวายการบูชาดังกล่าวด้วย
ต้นสาละ ไม้พื้นเมืองของท้องถิ่นอินเดียแถบนี้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นสาละ ในการไปถึงสาลวโนทยานซึ่งเดิมคือป่าดงต้นสาละที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาดับขันธปรินิพพานที่นี่ ต้นสาละเป็นต้นไม้โบราณเก่าแก่ที่เติบโตอาศัยอยู่ในท้องถิ่นอินเดียแถบนี้มาเนิ่นนาน มีคนเข้าใจผิดอยู่มากที่คิดว่าต้นสาละลังกาหรือต้นที่มีลูกกลมโตคล้ายลูกปืนใหญ่คือต้นสาละในพุทธประวัติ ซึ่งมันไม่ใช่
ต้นสาละ ในประเทศอินเดีย
พาไปทำความรู้จักกับต้นสาละหรือต้นซาล ที่เกี่ยวข้องจริงๆ กับพุทธประวัติ ต้นสาละซึ่งเป็นต้นไม้ที่ประทับของพระพุทธเจ้าขณะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ไกด์ชาวอินเดียและอาจารย์ด็อกเตอร์นพดลได้พาไปดูต้นสาละหรือซาลซึ่งปลูกไว้ให้คนที่ไปแสวงบุญ ณ มหาปรินิพพานวิหารได้ดูและศึกษาจะมีลักษณะดังภาพข้างบน 
ต้นสาละหรือซาลในพุทธประวัติ
ต้นซาลหรือสาละ มีถิ่นกำเนิดพบมากในประเทศเนปาลและพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เป็นต้นไม้ในสกุลวงษ์เดียวกับต้นยาง ชอบขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ในบริเวณที่อากาศชุ่มชื้น  เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบมีขนาดกลางถึงใหญ่ ลำต้นเปลาตรง เปลือกมีสีเทาแตกเป็นร่องสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ปลายกิ่งลู่ลงมา  มีใบเดี่ยวกว้างดกหนาทึบรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่งและง่ามใบ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกมีสีขาวอมเหลืองมีกลิ่นหอม ผลเป็นผลแห้งแข็งมีปีก 5 ปีก ต้นสาละเป็นไม้เนื้อแข็งที่ชาวอินเดียนิยมนำมาสร้างบ้านเรือน ต่อเรือ ทำเกวียน รวมถึงทำเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ต่างๆ ด้วย
 
ต้นสาละในประเทศอินเดียที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ
ดังนั้นเมื่อเราได้ไปถึงประเทศอินเดีย ได้ไปในป่าสาละ สถานที่ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จมาดับขันธ์ที่นี่ พวกเราได้ดูและเห็นต้นสาละที่เกี่ยวกับพุทธประวัติจริงๆ รวมทั้งฟังความรู้จากมัคคุเทศก์ที่บรรยายถึงความแตกต่างของต้นสาละที่นี่กับต้นสาละที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจผิด จึงขออนุญาตนำข้อความนี้มาส่งต่อเพื่อจะได้เข้าใจและรู้จักต้นสาละหรือซาล ต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติเพื่อจะได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถูกต้องกันต่อไป
สถานที่ที่ไว้พระบรมศพของพระพุทธเจ้า 7 วัน ก่อนนำไปถวายพระเพลิง
เหตุผลที่พระพุทธเจ้าเลือกเมืองกุสินาราเป็นที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน  ในสมัยพุทธกาลเมืองกุสินาราจัดว่าเป็นแคว้นเล็กมาก ไม่ค่อยมีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร เมื่อพระพุทธองค์ได้เลือกเมืองกุสินาราเป็นที่ดับขันธ์ฯ  พระอานนท์ก็ได้ทูลทักท้วงพระพุทธเจ้าที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราเพราะยังมีอีกหลายเมืองที่มีความยิ่งใหญ่มีผู้ที่มีอำนาจและศรัทธาในพระพุทธองค์เป็นจำนวนมากให้เลือก เพื่อให้ประชาชนในเมืองเหล่านั้นได้ทำการบูชาพระสรีระของพระตถาคตได้สะดวกและเป็นการสมพระเกียรติ
คณะที่ไปร่วมกันสวดบูชาพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ในมหาปรินิพพานวิหาร
การที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกเมืองกุสินาราเมืองเล็กๆ เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีสาเหตุสำคัญ คือ ทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักต้องถูกเจ้าผู้ปกครองของแคว้นต่าง ๆ มาทำการแย่งชิงไปบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองเหล่านั้นคงไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็ก ๆ เป็นแน่ 
พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ในมหาปรินิพพานวิหาร
ภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะทำการแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุจริงตามที่พระพุทธเจ้าทำนายไว้ แต่เพราะกุสินาราเป็นเพียงเมืองเล็กๆ จึงต้องยอมประนีประนอมโดยทำการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองอย่างยุติธรรม ปัญหาการแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุจึงยุติได้โดยไม่ต้องเกิดสงคราม 
มหาปรินิพพานวิหาร สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จสวรรคตใต้ต้นสาละ
ปัจจุบันที่เมืองกุสินารา มีปูชนียสถานสำคัญมากๆ ที่ชาวพุทธทั่วโลกตั้งใจเดินทางไปสักการะได้แก่
สถูปปรินิพพาน เป็นสถูปทรงโอคว่ำสร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช บนสถูปมียอมมน มีฉัตรสามชั้น 
มหาปรินิพพานวิหาร  ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน
พระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นพระพุทธรูปนอนบรรทมตะแคงเบื้องขวารูปแบบศิลปะมถุรา มีอายุกว่า 1,500 ปี มีบรรทึกไว้ว่าผู้สร้างคือ หริพละสวามี โดยนายช่างชื่อ ทินะ ชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาทำการสักการะ  มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง 
มกุฏพันธนเจดีย์  เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ  ซึ่งจะเล่ารายละเอียดในตอนหน้า
คณะแสวงบุญของเราเตรียมผ้าห่มเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในมหาปรินิพพานวิหาร
เมื่อได้เวลาอันสมควร คณะผู้ร่วมเดินทางมาแสวงบุญของเราทั้ง 10 ท่าน ก็ได้เดินทางต่อเพื่อไปมกุฏพันธนเจดีย์ อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตร  เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้าซึ่งใช้เวลาบนรถประมาณ 5 นาทีก็ถึง แล้วจะมาเล่าให้อ่านในบทความหน้า  ติดตามไปด้วยกันนะครับ
มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า
ติดตามอ่านบทความทั้งหมดใน ประสบการณ์เดินทางไปแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน 8 วัน ในประเทศอินเดียและเนปาล ได้ที่   www.rkatour.com

สนใจเดินทางไปทัวร์แสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งพุทธกาล  สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ โทร. 084-625-9929  

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com

ไม่มีความคิดเห็น: