วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลงทุนในหุ้นยังงัยไม่ให้เสีย(เปรียบ)

การลงทุนในหุ้นถือเป็นอาชีพสมัยใหม่ ที่ดูดี มีเทรนด์ ใครๆก็ทำได้ถ้ามีเงิน แต่ไม่ใช่ว่าใครๆ จะชนะตลาดหุ้นได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่เรามักได้ยินเสมอว่า แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่แมลงเม่ายุคปัจจุบันก็มีไหวพริบมากขึ้น มีแมลงเม่าหลายๆตัวที่แปลงสภาพเป็นรถดับเพลิงก็เยอะแยะไป


การทำเงินในตลาดหุ้นยอมรับว่าเป็นวิธีที่ทำเงินได้มากและเร็ว ถ้าเรารู้เท่าทัน เพราะคนที่เข้าไปในตลาดหุ้นต้องยอมรับว่าเข้าไปเพื่อเอากำไรจากหุ้น ซึ่งมีผลตอบแทนน่าสนใจมากกว่าฝากธนาคารแน่ๆ กลุ่มที่เล่นหุ้นสำหรับผมแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ต่างชาติ สถาบัน รายใหญ่ และรายย่อย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ล้วนมีแนวทางเดียวกันคือเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวมากที่สุด แล้วเงินมาจากไหนละ ก็แน่นอนว่าต้องมาจากกระเป๋าคนอื่น เมื่อมีคนได้เงินก็ต้องมีคนเสียเงิน แล้วใครละที่เสีย ดังนั้นดูจากกลุ่มข้างบนแล้วเดาง่ายๆก็ได้ว่า โอกาสเสียเงินเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ รายย่อย - รายใหญ่ - สถาบัน - ต่างชาติ เพราะคนที่มีหน้าตักมากย่อมมีกลยุทธ์มาแสดงได้มากกว่า เพราะหุ้นแต่ละตัวผมเชื่อว่ามีเจ้าภาพที่จะทำราคาให้ขึ้นหรือลง(ความคิดส่วนตัว) ดังนั้นไม่ว่าเราจะเข้าไปซื้อช่วงไหนเวลาใด พื้นฐานจะดีเยี่ยมหรือยอดแย่ หุ้นก้สามารถขึ้นหรือลงได้ตามความประสงค์ของเจ้าภาพ เพียงแต่บทบาทของเจ้าภาพจะพยายามทำให้เนียนที่สุด เพื่อเก็บเกี่ยวได้นานๆ

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นรายย่อยจะกำไรได้อย่างไร ไม่ขาดทุนแย่หรือ ไม่มีใครตอบได้หรอกครับว่าคุณจะกำไรหรือขาดทุนจนกว่าคุณจะเข้าไปในสนามรบของจริง ผมเองตอนเข้าตลาดหุ้นใหม่ๆ ลงทุนเท่าไรก็หมด เพราะเราเล่นแบบไม่มีหลัก สมกับคำว่า แมงเม่าจริงๆ

กว่า สิบปีที่ผมเข้าเทรดในตลาดหุ้นอย่างไม่ยอมแพ้ จนพอเอาตัวรอดปากเหยี่ยวปากกา(อยากเรียกว่าปากยักษ์ปากมารมากกว่า แต่เดี๋ยวไม่สุภาพ) จนพอรู้หลักง่ายๆ ที่ทำกำไรได้ดีคือ
หุ้นมีวัฏจักแน่นอน ขึ้นมากก็ลงมาก ดังนัี้นถ้ามีหุ้นในมือ ผมจะบริหารพอร์ตดังนี้
1  ห้ามลงเล่นหมดหน้าตัก พลาดแล้วไม่มีทางแก้ตัวใดๆ เลย ได้แต่มองเขาเชือดอย่างเดียว
2  หุ้นลงหรือมีแนวโน้มขาลง จะซื้อเก็บ อย่าซื้อช่วงแรกๆ เพราะยังลงอีกเยอะ ค่อยซื้อตอนตลาดเริ่มฟื้นหรือมีแนวโน้มฟื้น แล้วจะรู้ได้อย่างไร ก็ดูว่าหุ้นตัวที่เราสนใจมีกำลังซื้อเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จากใครก็ไม่รู้แอบเข้ามาเก็บ
3  หุ้นขึ้นหรือมีแนวโน้มขึ้น ไม่ต้องรีบขาย ราคายังไปอีกไกล แล้วจะขายเมื่อไร ก็ตามเหตุผลที่ตรงข้ามข้อ ที่ 2 นั่นแหละครับ
4 ถ้ารู้ว่าขาดทุนแน่ๆ ไม่ต้องรอให้ตลาดฟื้น ขายทิ้งไปเลย แล้วรอซื้อใหม่ที่ราคาถูกกว่า อย่างน้อยได้หุ้นเพิ่มมากขึ้น หรือซื้อได้ในราคาถูกกว่า
5  มีกำไรไม่ต้องรีบขาย ขาดทุนต้องตัดขายให้เร็ว แสดงว่าเรากำลังเป็นเหยื่อไม่ใช่ผู้ล่าแล้ว
6  การเข้าไปเทรด(ซื้อขาย) บ่อยๆ ทำกำไรสู้รอซื้อแล้วเก็บไว้รอขายในเวลาที่เหมาะสมไม่ได้เลย แถมเทรดบ่อยมากเท่าไร ความเสี่ยงก็ทวีคูณมากเท่านั้น  ค่านายหน้าโบรกเกอร์อาจจะมากกว่ากำไรที่ได้ด้วยซ้ำไป

เท่านี้ แมงเม่าอย่างเราก็แอบพกถังน้ำย่อมๆ ไว้ดับไฟกองเล็กๆ ได้แล้ว ขอโชคดีจงอยู่กับท่าน แต่สติและการตัดสินใจที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้ท่านชนะตลาดหุ้น

ไม่มีความคิดเห็น: