วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2567

พาไปรู้จักยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ที่จังหวัดตรัง

ยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ที่จังหวัดตรัง
ต้นยางพาราได้นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ตั้งแต่สมัยประเทศไทยยังใช้ชื่อว่า "สยาม" ประมาณกันว่าควรเป็นช่วงหลัง พ.ศ.2425  ได้มีการขยายเมล็ดกล้ายางพารา จากต้นพันธุ์ 22 ต้น นำไปปลูกในประเทศต่าง ๆ ของทวีปเอเชีย และมีหลักฐานเด่นชัดว่า เมื่อ ปี พ.ศ.2442 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)  ผู้เป็นเหมือน "บิดาแห่งยางพาราไทย" เป็นผู้ที่ได้นำต้นยางพารามาปลูกที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นครั้งแรก

ต้นยางพาราต้นแรกของไทย
ยางพาราต้นแรก ที่จังหวัดตรัง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกยางพาราในประเทศไทย และได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างมาก  ต้นยางพาราต้นแรกจึงถือได้ว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของภาคใต้และของไทยเป็นอย่างยิ่ง  
พระยารัษฎานุประดิษฐ์ 
ความคิดที่จะนำยางพาราเข้ามาปลูกในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีเดินทางไปดูงานในประเทศมลายู เห็นชาวมลายูปลูกยางก็เกิดความสนใจที่จะนำยางเข้ามาปลูกในประเทศไทย แต่พันธุ์ยางสมัยนั้นฝรั่งซึ่งเป็นเจ้าของสวนยางหวงมาก ทำให้ไม่สามารถนำพันธุ์ยางกลับมาได้ ในการเดินทางครั้งนั้น จนกระทั่ง พ.ศ. 2444 พระสถล สถานพิทักษ์ เดินทางไปที่ประเทศอินโดเซีย จึงมีโอกาสนำกล้าต้นยางกลับมาได้ โดยเอากล้ายางมาหุ้มรากด้วยสำลีชุบน้ำ แล้วหุ้มทับด้วยยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งแล้วบรรจุลงลังไม้ฉำฉาใส่มาในเรือกลไฟซึ่งเป็นเรือส่วนตัวของพระสถลฯ รีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที ยางที่นำมาครั้งนี้มีจำนวนมากถึง 4 ลัง โดยพระสถลสถานพิทักษ์ ได้นำมาปลูกไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือให้เห็นเป็นหลักฐานเพียงต้นเดียว อยู่บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง และจากยางรุ่นแรกนี้ พระสถลสถานพิทักษ์ ได้ขยายเนื้อที่ปลูกออกไปประมาณ 45 ไร่ นับได้ว่า พระสถลสถานพิทักษ์ คือผู้เป็นเจ้าของสวนยางคนแรกของประเทศไทย
ยางพาราต้นแรกในประเทศไทย
การปลูกยางพาราในไทยในสมัยเริ่มแรกนั้น พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้ส่งคนไปเรียนวิธีปลูกยางเพื่อมาสอนประชาชน นักเรียนของท่านที่ส่งไปก็ล้วนแต่เป็นเจ้าเมือง นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทั้งสิ้น พร้อมกันนั้นท่านก็สั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำพันธุ์ยางไปแจกจ่าย และส่งเสริมให้ราษฎรปลูกทั่วไป ซึ่งในยุคนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคตื่นยาง และชาวบ้านเรียกยางพารานี้ว่า “ยางเทศา” ต่อมาราษฎรได้นำเข้ามาปลูกเป็นสวนยางมากขึ้นและได้มีการขยายพื้นที่ปลูกยางไปในจังหวัดภาคใต้รวม 14 จังหวัด ตั้งแต่ชุมพรลงไปถึงจังหวัดที่ติดชายแดนประเทศมาเลเซีย  ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งประเทศ กระจายกันอยู่ในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นแหล่งปลูกยางใหม่ การพัฒนาอุตสาหกรรมยางของประเทศได้เจริญรุดหน้าเรื่อยมาจนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกยางพาราได้มากที่สุดในโลก
ยางพาราต้นแรกของไทย
ปัจจุบันยางพาราต้นแรกของประเทศไทย อยู่บริเวณบริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง อ.กันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ให้คนที่สนใจได้ไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติยางพาราในประเทศไทย และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามอีกด้วย โดยสามารถแวะไปชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ยางพาราต้นแรกของไทย
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ รวมถึงจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวในจังหวัดตรัง จัดเที่ยวทั่วไทย และพาไปเที่ยวต่างประเทศ จัดได้ทั้งกรุ๊ปใหญ่และกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร เดินทางแบบวีไอพี กิจกรรมสนุกอาหารอร่อยนอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ในราคาไม่แพง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

#ต้นยางพาราต้นแรกของไทย #เที่ยวกันตัง #เที่ยวตรัง 

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567

พงษ์โอชา สุดยอดร้านอาหารเช้าเมนูหมูย่างเมืองตรัง

ร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง
ร้านพงษ์โอชา เป็นหนึ่งในร้านกาแฟและอาหารเช้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของชาวจังหวัดตรังรวมถึงนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนจังหวัดตรังส่วนใหญ่ต้องมีแผนไปกินอาหารเช้าอร่อยๆที่ร้านพงษ์โอชาอย่างน้อย 1 มื้อ 

ร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง

การไปนั่งกินอาหารภายในร้านพงษ์โอชา จะเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง มีลูกค้าทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาอุดหนุนกันแน่นร้านตลอดเวลา แต่ก็สามารถนั่งกินอาหารกันได้สบายๆ ไม่ถึงกับอึดอัดและไม่ต้องรออาหารนาน ได้เข้าถึงบรรยากาศของร้านกาแฟท้องถิ่นที่คึกคักดีทีเดียว

หมูย่างเมืองตรัง ร้านพงษ์โอชา

ร้านพงษ์โอชา ร้านอาหารเช้าชื่อดังในเมืองตรัง มีทั้งหมด 3 สาขา แต่ละสาขามีจุดเด่นและเมนูที่แตกต่างกันไป  โดยครั้งนี้ไปกินที่สาขาถนนห้วยยอดซึ่งอยู่ในใจกลางตัวเมือง มีเมนูอาหารของทางร้านที่น่ากินทั้งนั้นโดยมีเมนูอาหารแนะนำได้แก่ 

อาหารเช้าที่ร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง

เมนูอาหารเช้าแนะนำที่ร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง ได้แก่

  • หมูย่างเมืองตรัง: เด่นที่หมูย่างหนังกรอบ เนื้อนุ่ม หอมเครื่องเทศ เสริฟให้กินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด
  • ติ่มซำ: มีรายการอาหารให้เลือกกินเยอะมาก นำมานึ่งสดๆ เสริฟร้อนๆ
  • ชาซีลอน: ชาร้อนหอมๆ ดื่มคู่กับอาหารเช้า เข้ากันดีมาก
ติ่มซำอาหารเช้าร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง

ไปกินร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรังต้องสั่งหมูย่างมากิน
การเดินทางไปร้านพงษ์โอชาสาขาที่1 ตั้งอยู่บนถนนห้วยยอด ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-12.00 น. ติดต่อขอข้อมูลและจองอาหารที่ร้านพงษ์โอชาสาขาถนนห้วยยอดได้ที่เบอร์โทร: 075-219918
กินอาหารเช้าและหมูย่างเมืองตรังที่ร้านพงษ์โอชา จังหวัดตรัง
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ รวมถึงจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวในจังหวัดตรัง จัดเที่ยวทั่วไทย และพาไปเที่ยวต่างประเทศ จัดได้ทั้งกรุ๊ปใหญ่และกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร เดินทางแบบวีไอพี กิจกรรมสนุกอาหารอร่อยนอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ในราคาไม่แพง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com

#หมูย่างเมืองตรัง #พงษ์โอชา #เที่ยวตรัง 

วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

พาไปเช่าเรือเที่ยวชมความสวยงามของเขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี

นั่งเรือเที่ยวในเขื่อนรัชชประภา

พาไปนั่งเรือเที่ยวแบบ Day trip ในเขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 พี่ๆ ที่น่ารักเจ้าของภูษิตโฮมสเตย์จากจังหวัดสมุทรสงครามได้มาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งไม่ได้พบเจอกันนานมากแล้ว และเป็นการมาเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีของพี่ภูษิตและแฟน เลยตั้งใจพาไปชมความสวยงามของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งติดอันดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดสวยของประเทศไทย ตอนแรกตั้งใจจะพาไปนอนค้างคืนกันในแพกลางน้ำ แต่เนื่องจากพี่เขามาเยี่ยมแบบฉุกเฉินไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า ปรากฎว่าแพที่พักได้มีนักท่องเที่ยวจองไว้เต็มหมดแล้ว ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนพาไปนั่งเรือเที่ยวชมความสวยงามของบรรยากาศในเขื่อนรัชชประภาแทน

เรือนำเที่ยวในเขื่อนรัชชประภา
เช้าวันที่ 12 กุมพาพันธ์ เราก็เดินทางกันแบบสบายๆ  ไปถึงท่าเรือของเขื่อนรัชชประภา ช่วงนี้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่เขื่อนรัชชประภาเยอะมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดีที่เราได้ล็อคคิวเรือไว้ล่วงหน้าแล้วก็เลยไม่มีปัญหาในการไปนั่งเรือชมความสวยงามของเขื่อนรัชชประภา
เที่ยวเขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี
เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนที่วอล์คอินเข้ามา หาเช่าเรือที่จะพาไปเที่ยวไม่ได้ เพราะคิวเรือแน่นเอี๊ยดยาวเหยียด หลายคนจึงได้เพียงแค่เที่ยวชมและถ่ายรูปบริเวณสันเขื่อน และเห็นหลายคนก็ต้องนั่งรอคิวเรือนำเที่ยวรอบใหม่อีกหลายชั่วโมง เพราะต้องรอเรือที่นำนักท่องเที่ยวชุดแรกกลับมาก่อน ก็น่าเห็นใจและคงเป็นบทเรียนอย่างดีว่า การเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมการหวังน้ำบ่อหน้าแค่เดินวอล์คอินเข้าไปใช้บริการอาจจะไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเอาง่ายๆ ในสมัยนี้
เขาสามเกลอ เขื่อนรัชชประภา
พวกเราไปถึงท่าเรือเขื่อนรัชชประภาเวลาประมาณ 11.00 น. ก็ต้องรอเรือที่จะพาไปเที่ยวนิดหน่อย เพราะได้เรือเที่ยวที่ 2 คือต้องรอเรือที่พานักท่องเที่ยวชุดแรกกลับมาก่อน ถึงแม้พวกเราจะไปกันรวมเพียง 5 คน แต่ก็ใช้เรือใหญ่ 20 ที่นั่ง จะได้นั่งเรือเที่ยวกันแบบสบายๆ (แต่ความจริงคือถ้าจะรอเรือเล็ก 10 ที่นั่งก็ต้องรอเรือถึงบ่ายโมง ค่าเรือต่างกันนิดหน่อยไม่เป็นไร เอาสะดวกและสบายไว้ก่อน อิอิ)
กุ้ยหลินเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา
เมื่อถึงคิวเรือของเรา ปกติก็มีเจ้าหน้าที่บริการมาแจ้งให้พวกเราเดินไปที่เรือ โดยคนไทยจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานเพิ่มอีกคนละ 40 บาทและมีค่าธรรมเนียมใช้บริการท่าเรืออีก 20 บาท  แต่หากใครเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
นั่งเรือเที่ยวในเขื่อนรัชชประภา
เมื่อพาพี่ๆ ลงไปนั่งในเรือเรียบร้อย ก็ถึงเวลาพบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เรือใช้เวลาวิ่งด้วยความเร็วพอประมาณระหว่างทางก็ได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามภายในเขื่อนรัชชประภา โดยเฉพาะแนวภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาดูสวยงามตามแต่จินตนาการของผู้เห็น  
นั่งเรือเที่ยวในเขื่อนรัชชประภา
อาจจะเป็นเพราะผมซึ่งเป็นเจ้าของบริษัททัวร์มาบริการพี่ๆ ด้วยตนเอง คนขับเรือวันนี้ก็เลยใจดีเป็นพิเศษ  พานั่งเรือซอกแซกถ่ายรูปในจุดที่มีภูเขาหินแปลกตาสวยๆ เรื่อยมาตามเส้นทางโดยมีจุดแวะจริงจังจุดแรกที่เขาสามเกลอหรือกุ้ยหลินเมืองไทยที่ถือได้ว่าเป็นโลโกและสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาเลยทีเดียว
แวะเที่ยวถ่ายรูปชมภูเขารูปร่างแปลกตาในเขื่อนรัชชประภา
เขาสามเกลอ   เป็นจุดชมวิวที่สวยมากและน่ามหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของเขื่อนรัชชประภา แต่ละวันจึงมีนักท่องเที่ยวมาแวะชมเยอะมาก หลังจากจอดแวะถ่ายรูปกันจนสาแก่ใจ เรือก็พาเรามุ่งหน้าไปที่แพนางไพรซึ่งอยู่ห่างจากกุ้ยหลินไม่มาก นั่งเรือประมาณ 10 นาทีก็ถึง

แพนางไพร แพพักของอุทยานฯ ในเขื่อนรัชชประภา
แพนางไพร เป็นจุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาสก ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากอีกหนึ่งจุดของเขื่อนรัชชประภา นอกจากมีทัศนียภาพที่สวยงามแล้วบริเวณแพนางไพรยังเป็นวังปลาหรือที่อยู่ของฝูงปลาตะเพียนจำนวนมาก ปกตินักท่องเที่ยวที่นั่งเรือเที่ยวหรือไปค้างคืนที่แพพักในเขื่อนรัชชประภา เรือนำเที่ยวก็จะพามาแวะถ่ายรูปสวยๆ ที่แพนางไพรแห่งนี้ด้วย
วังปลา ที่แพนางไพรในเขื่อนรัชชประภา
ที่แพนางไพรในเขื่อนรัชชประภา นอกจากจะเป็นจุดชมวิวธรรมชาติสวยๆ แล้วที่แพแห่งนี้ยังให้บริการที่พักและอาหารแก่นักท่องเที่ยวในราคาไม่แพงด้วย โดยคนที่สนใจใช้บริการพักแรมที่แพนางไพรสามารถจองที่พักได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ
แพนางไพร เขื่อนรัชชประภา
เมื่อเที่ยวชมและถ่ายรูปบนแพนางไพรกันพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลานั่งเรือเดินทางกลับ ระหว่างทาง เรือยังพาวิ่งอ้อมไปถ่ายรูปสวยๆ นอกเส้นทางที่บริเวณกุ้ยหลินน้อยอีก ก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับคณะของพี่ภูษิตมาก ถึงกับเอ่ยปากว่าต้องกลับมาเที่ยวใหม่ คราวนี้จะวางแผนล่วงหน้าเพื่อจะได้มาสัมผัสประสบการณ์พิเศษในแพพักกลางน้ำของเขื่อนรัชชประภาด้วย
เที่ยวเขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี
ก่อนจบบทความวันนี้ก็อยากชวนเชิญคนที่ชอบธรรมชาติสวยๆ ต้องลองหาโอกาสไปเที่ยวเขื่อนรัชชประภาซักครั้ง เป็นการให้รางวัลชีวิตด้วยการไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสุดสวย และหากตั้งใจไปเที่ยวที่เขื่อนรัชชประภาแล้วควรวางแผนแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะถ้าตั้งใจไปพักที่แพกลางน้ำหรือจะแค่นั่งเรือเที่ยวก็ตาม โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลกิจกรรมการท่องเที่ยวจองที่พักและจองเรือนำเที่ยวในเขื่อนรัชชประภาได้ที่ www.rkatour.com
บริการเรือนำเที่ยวและแพที่พักในเขื่อนรัชชประภา
สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ รวมถึงจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดเที่ยวทั่วไทย และพาไปเที่ยวต่างประเทศ จัดได้ทั้งกรุ๊ปใหญ่และกรุ๊ปเล็กส่วนตัว ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร เดินทางแบบวีไอพี กิจกรรมสนุกอาหารอร่อยนอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ในราคาไม่แพง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ
www.rkatour.com

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

หมึกแห้งปลอดสารเคมี สุดยอดสินค้าของฝากน่ากินจากสุราษฎร์ธานี

หมึกแห้งปลอดสาร สุดยอดของฝากจากสุราษฎร์ธานี
อ่าวท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะสินค้าทางทะเลสดๆ ที่ขึ้นจากเรือใหม่ๆ โดยเฉพาะปูม้าและหมึกสาย 

เรือจับหมึก ในอ่าวท่าชนะ

หนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อและเป็นสุดยอดของฝากจากอ่าวท่าชนะ คือ หมึกแห้งที่ทำโดยกลุ่มแม่บ้านชาวประมง ที่นำหมึกกล้วยสดๆจับขึ้นมาใหม่ๆ จากทะเล 

ทำหมึกแห้ง โดยกลุ่มแม่บ้านชาวประมงอ่าวท่าชนะ

พอเรือหมึกเข้าฝั่ง ก็จะนำหมึกที่จับได้มาทำความสะอาดแล้วเอาไปตากแดดแรงๆ ทันที จึงเป็นหมึกแห้งที่ทำสดใหม่ทุกวัน เนื้อหมึกแห้งกำลังดีและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่กินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อหมึกที่แน่นเข้มข้นมีกลิ่นหอมของเนื้อหมึกตากแดดชัดเจนและรสชาติสัมผัสของเนื้อหมึกแห้งก็ไม่เค็มมากอร่อยกำลังดี เหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และเป็นเนื้อหมึกแห้งที่ไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงรวมถึงไม่มีวัตถุกันเสียปนเปื้อนจึงมั่นใจได้ว่ากินแล้วปลอดภัย

หมึกแห้งปลอดสารจากอ่าวท่าชนะ สุดยอดของฝากจากสุราษฎร์ธานี

จุดเด่นของหมึกแห้งของกลุ่มแม่บ้านชาวประมง จากอ่าวท่าชนะ

  • ใช้หมึกกล้วยสดๆ ที่จับขึ้นมาจากทะเลใหม่ๆ นำมาทำความสะอาดแล้วตากแดดทันที จึงมั่นใจได้ในความสดของเนื้อหมึกที่นำมาทำวัตถุดิบ 
  • เนื้อหมึกแน่น เต่งตึงและไม่ยุ่ย เนื่องจากใช้หมึกสดใหม่มาทำทันที เมื่อนำไปประกอบอาหารจะได้เนื้อสัมผัสที่อร่อย
  • หมึกแห้งมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เพราะเน้นตากด้วยแดดแรงๆ เพียง 1-1.5 วัน เนื้อหมึกจึงไม่แห้งเหนียว มีรสชาติเข้มข้นและไม่เค็มจนเกินไป
  • มั่นใจได้ว่าปลอดภัย เพราะเป็นหมึกแห้งที่ทำแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน สะอาด ปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงแน่นอน

ขายหมึกแห้ง จากกลุ่มแม่บ้านชาวประมง ท่าชนะ
วิธีเก็บรักษาหมึกตากแห้งปลอดสารไว้กินได้นานๆ และเคล็ดลับการนำไปปรุงอาหารให้อร่อยน่ากินมากยิ่งขึ้น เนื่องจากหมึกตากแห้งของกลุ่มแม่บ้านท่าชนะ เป็นหมึกตากแห้งที่ไม่มียาฆ่าแมลงและไม่มียากันบูด ดังนั้นเมื่อซื้อไปแล้วควรเก็บในภาชนะมิดชิดและแช่ตู้เย็นไว้จะเก็บได้นานขึ้น เมื่อจะนำมาทำอาหารก็แบ่งเอาออกมาทำอาหารได้เลย แต่ถ้าสะดวกแนะนำว่า ให้นำหมึกแห้งที่ออกมาจากตู้เย็นไปตากแดดแรงๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะทำให้หมึกมีกลิ่นหอม เวลานำไปทำอาหารจะหอมน่ากินมากยิ่งขึ้น
หมึกแห้งปลอดสาร สุดยอดของฝากจากอ่าวท่าชนะ
เนื่องจากหมึกแห้งของกลุ่มแม่บ้านชาวประมงอำเภอท่าชนะ เป็นสินค้าตามฤดูกาล มีราคาขายขึ้นลงตามภาวะของตลาด โดยมีราคาแนะนำอยู่ระหว่าง 550-600 บาทต่อหมึกแห้ง 1 กิโลกรัม และแนะนำว่าควรสอบถามและสั่งจองไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด เพราะปกติจะมีแม่ค้ามาซื้อเหมาหมึกตากแห้งใหม่ๆ ไปขายทุกวัน
หมึกแห้ง สุดยอดของฝากจากสุราษฎร์ธานี
สนใจสั่งซื้อหมึกแห้ง จากกลุ่มแม่บ้านชาวประมงของฝากชื่อดังจากอ่าวท่าชนะ เป็นหมึกแห้งปลอดสารเคมีที่มีกลิ่นหอมน่ากิน ราคาไม่แพง บริการจัดส่งทั่วไทย สามารถสั่งซื้อโดยตรงได้ที่โทร. 0846259929


ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

เที่ยวสุดประทับใจที่ดานังและฮอยอัน ประเทศเวียดนาม

เที่ยวสุดประทับใจที่ดานังและฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
วันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 3 ของการเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนาม เมื่อคืนเรานอนกันที่เมืองเว้อย่างที่เขียนเล่ากันไปในตอนที่แล้ว วันนี้ทุกคนตื่นเช้าแล้วเมื่อไปรับประทานอาหารเช้าในโรงแรมกันเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวเช็คเอาท์เดินทางไปเที่ยวกันต่อที่เมืองดานัง

ร้ายขายของที่ระลึก สำหรับนักท่องเที่ยว
เนื่องจากระยะทางจากเมืองเว้ถึงดานัง ต้องใช้เวลานั่งรถนานพอสมควร เราจึงได้แวะที่ร้านช็อปปิ้งของฝากของที่ระลึกสวยๆ จากเวียดนาม เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนในคณะได้พักผ่อนอิริยาบถลงไปยืดเส้นยืดสายและเข้าห้องน้ำกันตามสบาย เพราะในเวียดนามไม่ได้มีห้องน้ำสะอาดและสดวกสบายในปั๊มน้ำมันเหมือนเมืองไทยจึงจำเป็นต้องแวะใช้บริการตามร้านของของที่ระลึกซึ่งจะสะดวกที่สุด ก่อนที่จะเดินทางไปดานังกันต่อ
สวนเอเปค ดานัง
หลังจากออกจากเมืองเว้ ซึ่งในอดีตคือเมืองหลวงของเวียดนามมาซักพัก รถนำเที่ยวของเราก็พาเดินทางเข้าสู่เมืองดานัง แวะเที่ยวชม APEC PARK  หรือสวนเอเปค ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำฮาน ใกล้ๆ กับสะพานมังกรของเมืองดานัง
สวนเอเปค ดานัง
ความเป็นมาของสวนเอเปค   สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต้อนรับการประชุม APEC ที่ประเทศเวียดนามในปี 2017 โดยมีจุดเด่นคือเป็นโดมขนาดยักษ์ ที่สร้างด้วยเหล็กจำนวน 200 ตัน มีรูปทรงคล้ายว่าวยักษ์สีขาว ซึ่งใหญ่โตมโหฬารมาก  ปัจจุบันสวนเอเปคได้กลายเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูปสวยๆ กันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
ร้านอาหารออแกนิค ที่เมืองดานังประเทศเวียดนาม
จากนั้นเราก็ไปทานอาหารมื้อกลางวันอร่อยๆ ที่ร้านอาหารออแกนิคชื่อดังของเมืองดานัง ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินทางกันต่อเข้าสู่เขตเมืองมรดกโลกนามว่า ฮอยอัน 
เมืองโบราณฮอยอัน
ฮอยอันเป็นเมืองท่าค้าขายสำคัญในอดีต เป็นชุมชนที่มีการติดต่อทางการค้ากับหลายประเทศ และยังคงรักษาไว้ซึ่งความเป็นเมืองเก่าได้อย่างน่าสนใจ ฮอยอันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และเสน่ห์ของฮอยอันก็ได้ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยือนฮอยอันปีละหลายแสนคน
เมืองโบราณฮอยอัน
ภายในเมืองโบราณฮอยอัน มีสิ่งที่น่าสนใจสำคัญๆ ได้แก่ ตลาดการค้าย่านชุมชนเก่าฮอยอัน , สถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่อนุรักษ์ไว้มีอายุนับร้อยปี โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 5 ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่ที่สุดที่ยังอนุรักษ์ไว้อย่างดีและยังมีคนอาศัยอยู่จริงในทุกวันนี้ , สะพานโบราณญี่ปุ่น, ศาลเจ้าฮอยอัน และโคมไฟราตรีที่ฮอยอัน เป็นต้น
เมืองโบราณฮอยอัน
ภายในเมืองโบราณฮอยอัน มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งคงต้องขออนุญาตยกยอดไปเขียนเล่าเรื่องเมืองฮอยอันเป็นตอนเฉพาะต่างหากในภายหลัง
หมู่บ้านเรือกระด้ง ฮอยอัน
เสร็จจากเที่ยวชมเมืองโบราณฮอยอัน ก็ถึงเวลาแห่งความสนุกสนานที่ทางเราภูมิใจเสนาให้นักท่องเที่ยวได้สนุกกับการนั่งเรือกระด้งที่มีชื่อเสียงของฮอยอัน เป็นกิจกรรมที่เกิดจากการนำเอาวิถีชีวิตของคนริมน้ำมาบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก
นั่งเรือกระด้ง หมู่บ้านฮอยอัน
กิจกรรมนั่งเรือกระด้งที่ฮอยอัน ถือว่าเป็นสีสันของฮอยอันที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ทันทีที่เราก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่ให้บริการ  เราก็สัมผัสได้ถึงความสนุกสนานที่รอเราอยู่แล้ว เรือกระด้งเป็นพาหนะทางน้ำที่คนเวียดนามนิยมใช้กันมาก และคงจะเป็นชนชาติเดียวในโลกที่ใช้เรือกระด้งแพร่หลายและจริงจังแบบนี้
เรือกระด้งเวียดนาม
เรือกระด้งเวียดนาม เป็นกิจกรรมเน้นความสนุกสนานและบันเทิงที่ตั้งใจมอบให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ  ซึ่งคงต้องไปลองสัมผัสกับตัวเองซักครั้งว่าจะน่าประทับใจอย่างไร
อาหารมื้อเย็น จัดให้แบบพิเศษ ที่ดานัง
เสร็จจากกิจกรรมนั่งเรือกระด้ง เราก็เดินทางออกจากฮอยอัน มุ่งหน้าสู่เมืองดานังอีกครั้ง โดยแวะทานอาหารเย็นที่ตั้งตั้งใจจัดพิเศษให้ลูกค้าโดยเฉพาะด้วยการจัดเมนูกุ้งมังกรและเสริฟไวน์เวียดนาม ให้ทุกคนกินอย่างจุใจ 
อาหารมื้อพิเศษ ที่ตั้งใจจัดเลี้ยงให้ลูกค้าโดยเฉพาะ
อาหารมื้อนี้โดยเฉพาะเมนูกุ้งมังกรและไวน์แดง ปกติไม่ได้อยู่ในรายการทัวร์ทั่วๆ ไป แต่เรายินดีที่จะนำเสนอความสุขให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ประทับใจในการได้เดินทางไปเที่ยวในเวียดนามให้มากที่สุด และหวังว่าทุกคนจะมีความสุขเต็มที่ในประเทศเวียดนามกับคณะทัวร์ของเรา
สะพานมังกรและสะพานแห่งความรัก เมืองดานัง 
ก่อนจะเดินทางเข้าที่พัก เราก็พาทุกคนไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ ชมบรรยากาศของสะพานมังกรและสะพานแห่งความรัก เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยมากต้องห้ามพลาดของเมืองดานัง โดยเฉพาะที่สะพานแห่งความรักนี้เป็นเสมือนสัญญารักมั่นที่คู่รักหลายแสนคู่ตั้งใจมาทำสัญญาใจกันที่นี่ โดยเฉพาะช่วงกลางวันเราจะเห็นคู่รักจากทั่วสารทิศมาถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งกันที่สะพานแห่งความรักนี้บ่อยมาก
สะพานมังกรและสะพานแห่งความรัก เมืองดานัง 
สะพานมังกรและสะพานแห่งความรัก  ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวปิดท้ายของการท่องเที่ยวในเวียดนามทริปนี้ก่อนที่จะเดินทางไปเช็คอินเข้าที่พักกันต่อไป
โรงแรม CALIX HOTEL เมืองดานัง
คืนนี้เราเข้าพักค้างคืนกันที่ โรงแรม CALIX HOTEL ในเมืองดานัง ซึ่งเข้าถึงที่พักก็ค่อนข้างดึกซักนิดเนื่องจากโปรแกรมเที่ยวเต็มวันที่ล้วนน่าสนใจและพลาดไม่ได้ซักแห่งเดียว เป็นโรงแรมที่พักที่เน้นความสะดวกสบายเหมือนทุกคืนที่เราจัดให้ได้พักผ่อนกัน เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อยเราก็ให้ทุกคนได้พักผ่อน  ส่วนใครที่สนใจท่องราตรีเมืองดานังก็ชวนกันไปได้ตามอัทธยาศัย โดยนัดเจอกันใหม่ที่ห้องอาหารเวลาเช้าวันพรุ่งนี้
โรงแรม CALIX HOTEL เมืองดานัง
เช้าวันที่ 4 ในประเทศเวียดนาม หลังจากทานอาหารเช้าในโรงแรมที่พักเรียบร้อย เราก็พาทุกคนเดินทางสู่สนามบินนานาชาติดานัง เพื่อเตรียมตัวกลับเมืองไทยด้วยสายการบินแอร์เอเซียเที่ยวบินที่ FD635 ออกจากท่าอากาศยานดานัง ประเทศเวียดนามเวลา 09.35 น. ใช้เวลาในการบินเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที ถึงสนามบินดอนเมืองประเทศไทยในเวลา 11.20 น.
เดินทางสู่สนามบินดานัง
ก็หวังว่าทุกท่านที่เดินทางไปเที่ยวด้วยกันครั้งนี้จะได้เก็บความสุขความประทับใจ รวมทั้งมีภาพสวยๆ เยอะแยะมากมายไปฝากเพื่อนและคนทางบ้าน ส่วนถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดและไม่ประทับใจ ทางคณะผู้จัดก้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้และจะพยายามปรับปรุงทริปเที่ยวของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก และหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในทริปต่อๆ ไป ที่เรามีโปรแกรมท่องเที่ยวดีๆมานำเสนออีกมากมาย ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดโปรแกรมเที่ยวได้ที่ www.rkatour.com
เดินทางส่งลูกค้าที่สนามบินดานัง ประเทศเวียดนาม
สรุปรายการเดินทางในเวียดนาม 4 วัน
สนใจไปเที่ยวบาน่าฮิลล์ เมืองเว้ ดานัง และฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เดินทางแบบสบายๆ 4 วัน 3 คืน ในช่วงไฮซีซั่นของการท่องที่ยวที่ดีที่สุดระหว่างเดือน พฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์  เน้นเที่ยวสนุก กินอาหารดี ที่นอนสบาย ด้วยราคาราคาเริ่มต้นเพียง 16,900 บาท บริหารโดยบริษัททัวร์วีอาร์ทราเวล  จำกัด ใบอนุญาตนำเที่ยว เลขที่ 21/01056 สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่โทร. 0846259929

ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
28 มกราคม 2567 

วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567

สุดยอดที่เที่ยวน่าประทับใจในเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม

สุดยอดที่เที่ยวน่าประทับใจในเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม
 วันนี้ย่างเข้าสู่วันที่สองของการเดินทางเที่ยวในเวียดนาม ตื่นเช้าเราก็ยังอยู่กันบนยอดเขาบาน่าฮิลล์ ทำให้ได้สิทธิ์เที่ยวชมสถานที่สวยๆ และกิจกรรมน่าสนใจบนบาน่าฮิลล์กันต่อได้อีกหลายชั่วโมง

เที่ยวบาน่าฮิลล์ ประเทศเวียดนาม
กิจกรรมบนบาน่าฮิลล์มีเยอะมาก โดยเฉพาะมุมถ่ายรูปสวยๆ และกิจกรรมสนุกๆ ที่มีเยอะจนไม่สามารถที่จะเที่ยวชมและสัมผัสกิจกรรมของบาน่าฮิลล์ได้ทั้งหมดในการเดินทางเพียงครั้งเดียว ถึงแม้ว่าเราจะค้างคืนบนบาน่าฮิลล์ก็ตาม จึงขออนุญาตไปเขียนเรื่องราวของบาน่าฮิลล์เป็นตอนพิเศษแยกต่างหากน่าจะดีกว่า
เที่ยวบาน่าฮิลล์ ประเทศเวียดนาม
เช้านี้บนบาน่าฮิลล์ เรามีแผนพาลูกทัวร์เดินทางไปถ่ายรูปสวยๆที่สะพานสีทองรูปมือยักษ์ และสวนแห่งความรัก ซึ่งเป็นสวนสวยสไตล์ฝรั่งเศสที่แบ่งพื้นที่เป็นหลานโซน รวมทั้งมีโรงบ่มไวน์รสเลิศของบาน่าฮิลล์ให้แวะไปชมและไปชิมด้วย ใครมีแรงเดินไหวก็ไปถ่ายรูปที่วัดหลินอึ๋งของบาน่าฮิลล์กันต่อ จนได้เวลาสมควรก็กลับไปทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์นานาชาติที่ทางบาน่าฮิลล์จัดอาหารอร่อยให้เลือกกินเยอะมากแถมกินได้ไม่อั้นอีกเช่นเคย
เที่ยวบาน่าฮิลล์ ประเทศเวียดนาม
จนได้เวลาอันสมควร เราก็พาคณะนักเดินทางทั้งหมดเช็คเอาท์ออกจากห้องพัก เดินทางลงมาจากบาน่าฮิลล์ด้วยกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลกเช่นเดียวกับตอนขาขึ้น พร้อมมีบางคนรำพึงในใจว่าต้องมาใหม่อีกแน่นอนด้วยความประทับใจ
อาหารซีฟู้ดเวียดนามที่ร้านเบนเดน อ่าวลังโก 
เมื่อทุกคนลงมาจากบาน่าฮิลล์กันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกันต่อโดยวันนี้เราจะไปเที่ยวที่เมืองเว้ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงและศูนย์การปกครองของประเทศเวียดนาม โดยได้แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านเบนเดน อ่าวลังโก โดยมื้อนี้เราเน้นอาหารทะเลสดเสริฟให้ลูกค้าเป็นกรณีพิเศษ
วัดเทียนมู่ ประเทศเวียดนาม
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อเพื่อไปชมวัดเทียนมู่ เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่สำคัญที่สุดของประเทศเวียดนาม วัดเทียนมู่มีเรื่องราวและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากมายโดยเฉพาะความเด็ดเดี่ยวของอดีตเจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ที่ทำให้วัดเทียนมู่โด่งดังและรู้จักกันไปทั่วโลก
ป้อมปราการแห่งจักรพรรดิ์เวียดนาม
ออกจากวัดเทียนมู่ เราก็เดินทางไปเที่ยวชมพระราชวังโบราณของเวียดนาม ซึ่งในอดีตเคยถูกปกครองโดยจักรพรรดิ์ในราชวงศ์เหงียนอย่างยาวนาน สร้างความเจริญเป็นปึกแผ่นให้ประเทศเวียดนามเป็นอันมาก จนกระทั่งถึงยุคที่ต้องล่มสลายไป  แต่เราก็ยังคงได้เห็นและสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระราชวังโบราณแห่งนี้ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประทับและว่าราชการขององค์จักรพรรดิ์เวียดนาม
พระราชวังเมืองเว้
เมื่อเราได้เข้าไปในเขตพระราชฐาน เราก็สามารถเห็นถึงความมั่นคงและฐานอำนาจของศูนย์กลางปกครองในอดีต ทั้งป้อมปืน คูเมือง และเขตพระราชวังที่สร้างอย่างมั่นคงแข็งแรงและสง่างาม น่าเสียดายที่ช่วงนี้ในเขตพระราชวังได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมจึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม แต่เราก็สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้จากสื่อที่ทางการของเวียดนามนำมาจัดแสดงในบริเวณด้านข้างกำแพงพระราชวังและรับฟังเรื่องเล่าผ่านไกด์นำเที่ยวสาวสวยชาวเวียดนามนั่นก็คือน้องชมพู่ของเรานั่นเอง
นั่งรถซิโคล่ชมเมือง
ออกจากเขตพระราชวังโบราณของเมืองเว้ เราก็มีโปรแกรมพิเศษพานักท่องเที่ยวของเราไปนั่งรถซิโคล่ ซึ่งเป็นรถเอนกประสงค์ที่ชาวเวียดนามนิยมใช้กันมาก  รถซิโคล่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเวียดนามโดยเฉพาะ ดังนั้นไปถึงเวียดนามทั้งทีเราเลยจัดให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ประสบการณ์ดีๆ ในการได้นั่งรถซิโคล่เที่ยวชมรอบเมืองเว้ด้วย
นั่งเรือมังกรล่องแม่น้ำหอม
มีกิจกรรมไฮไลต์สำคัญอีกหนึ่งอย่างที่คนไปเที่ยวเมืองเว้ต้องห้ามพลาด นั่นก็คือการนั่งเรือมังกรล่องในแม่น้ำหอม ซึ่งในอดีตเป็นกิจกรรมที่จัดถวายเฉพาะองค์จักรพรรดิ์เท่านั้น ขณะที่เรานั่งเรือมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์จักรพรรดิ์โดยเฉพาะจะมีสาวสวยมาขับกล่อมดนตรีพื้นเมืองของเวียดนามที่แม้ฟังไม่ออกแต่ก็ไพเราะจับใจมาก เป็นเพลงแนวปลุกใจรักชาติของคนเวียดนามสลับกับเพลงสนุกสนานเป็นกันเองระหว่างนักดนตรีและนักท่องเที่ยว
สาวสวยขับกล่อมด้วยเพลงพื้นเมืองบนเรือมังกร
ซึ่งก่อนจบโปรแกรมล่องเรือมังกร ก็มีพิธีลอยโคมไฟกระดาษซึ่งคล้ายกับการลอยกระทงของคนไทย เป็นนัยของการแสดงความเคารพต่อแม่น้ำหอมซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักและสำคัญของเมืองเว้ และในอดีตสมัยสงครามเวียดนาม แม่น้ำหอมแห่งนี้ก็มีเรื่องราวที่ยังตรึงอยู่ในหัวใจชาวเวียดนามอยู่ไม่น้อย
ลอยโคมไฟบนเรือมังกร
เสร็จจากกิจกรรมสบายๆ บนเรือมังกร เราก็ไปทานอาหารเย็นสไตล์เวียดนามอร่อยๆ ที่ร้าน Viber' T Restaurant

อาหารเย็นสไตล์เวียดนามในเมืองเว้
จากนั้นนำทุกคนเช็คอินเข้าพักที่ Century Hotel โรงแรมหรูนอนสบายตั้งอยู่ใจกลางเมืองเว้ ซึ่งอยู่ในโซนถนนคนเดินแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังของเว้ 
โรงแรมที่พักกลางเมืองเว้ 
หลังจากเช็คอินให้ทุกคนเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราก็ให้อิสระกับนักท่องเที่ยวทุกคนในการไปเดินท่องราตรีในถนนคนเดินเมืองเว้ ซึ่งใกล้ๆกันก็มีแหล่งบันเทิงยามราตรีของเมืองเว้อยู่รอบๆ  โดยนัดทุกคนมาเจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม สำหรับคืนนี้ใครใคร่ช็อปก็ตามสบาย ใครใคร่แสวงหาความบันเทิงสไตล์เวียดนามก็ตามอัทธยาศัย คืนนี้ขอราตรีสวัสดิ์แต่คิดว่ายังไม่มีใครเข้านอนแต่หัวค่ำแน่ๆ  ไว้ค่อยมาเจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้าครับผม
ถนนคนเดินเมืองเว้ 
พาเที่ยวเวียดนาม เว้ ดานัง ฮอยอัน และบาน่าฮิลล์
สนใจไปเที่ยวบาน่าฮิลล์ เมืองเว้ ดานัง และฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เดินทางแบบสบายๆ 4 วัน 3 คืน ในช่วงไฮซีซั่นของการท่องที่ยวที่ดีที่สุดระหว่างเดือน พฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์  เน้นเที่ยวสนุก กินอาหารดี ที่นอนสบาย ด้วยราคาราคาเริ่มต้นเพียง 16,900 บาท บริหารโดยบริษัททัวร์วีอาร์ทราเวล  จำกัด ใบอนุญาตนำเที่ยว เลขที่ 21/01056 สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่โทร. 0846259929

ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
26 มกราคม 2567